หลักการพิจาณาดาวเคราะห์ในการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม

หลักการพิจาณาดาวเคราะห์ในการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม

หลักการพิจารดาวเคราะห์ในการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิมในการวิเคราะห์ดวงชาตา จะมี ๒ อย่างคือ ๑. วิเคราะห์ดวงชาตาเดิมหรือดวงกำเนิด คือ ดวงที่ถือกำเนิดมาบอกพื้นเพของคน เป็นเครื่องวัดฐานะให้รู้ถึงความเป็นอยู่ว่าสูงต่ำเพียงใด อนาคตจะรุ่งโรจน์หรือตกต่ำ อยู่ที่ดวงชาตากำเนิดนี้ ๒. วิเคราะห์ดวงชาตาจร สำหรับดวงชาตาจร มีไว้เพื่อประกอบการพยากรณ์โชคเคราะห์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน อนาคตของดวงชาตาเดิม ก่อนที่ท่านจะเป็นนักพยากรณ์ที่ดี เป็นนักพยากรณ์ที่มีหลักเกณฑ์ตามหลักโหราศาสตร์ไทย ที่ถูกต้อง จำเป็นต้องอ่านดวงชาตาเดิมให้แตกเสียก่อน เมื่อเราอ่านดวงชาตาเดิมของผู้มาให้พยากรณ์ จนทราบถึงพื้นเพ ฐานะความเป็นอยู่ของเขาดี เราก็สามารถพยากรณ์เหตุการณ์ได้ถูกต้อง ผลของคำพยากรณ์จะถูกต้องแม่นยำขนาดไหน ขึ้นอยู่กับคนที่เป็นนักพยากรณ์ว่าพิจารณาคุณภาพของดาวแต่ละดวง ละเอียดรอบคอบมากน้อยขนาดไหน ประกอบกับความชำนาญที่ผ่านดวงชาตามามาก จะเพิ่มความถูกต้อง แม่นยำยิ่งขึ้นในดาวเคราะห์ดาวต่าง ๆ มักจะมีความเข้าใจสับสนเกี่ยวกับมาตรฐานของดาวต่าง ๆ ว่าเป็นดาวที่ดี หรือให้คุณ หรือเป็นดาวที่เข็มแข็ง หรือเป็นดาวที่เสีย หรือไม่ให้คุณ หรือเป็นดาวที่อ่อนแอ จะมีหลักเกณฑ์อย่างไรท่านอาจารย์สิงห์โต สุริยาอารักษ์ ท่านได้กล่าวไว้หนังสือโหราศาสตร์ไทย เรียนด้วยตนเองเล่มเดียวจบ และท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(ุอุตรภัทร์) ท่านได้กล่าวไว้หนังสือเคล็ดลับการพยากรณ์ ว่าในการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม จะพบว่า จะมีดาวอยู่ ๒ ประเภท คือ๑.ดาวที่ดี หรือให้คุณ เป็นดาวที่เข็มแข็ง หมายถึงดาวที่ได้ตำแหน่งเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ธาตุชั้น ๒ ธาตุคู่มิตรเกษตร อุจจ อุจจาวิลาน มหาจักร ราศีโชค องค์เกณ์ตามเรือนชาตา องค์เกณฑ์ตามจักรราศี อุดมเกณฑ์ จะให้ผล ๒ อย่างคือ ให้ผลตามเรือนชาตาและให้ผลตามความหมายคุณภาพของดาว๒. ดาวที่เสียหรือให้โทษ เป็นดาวที่อ่อนแอ หมายถึงดาวที่ได้ตำแหน่งเป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ไม่ให้คุณ เป็น ประ นิจ พินทุบาทว์ เป็นดาวเจ้าเรือนทุสนะภพ(อริ มรณะ วินาสน์) ดาวที่เสียจะส่งผลเสียตามเรือนชาตาและเสียตามคุณภาพของดาว๓. ดาวที่นำมาวิเคราะห์มีดาวที่ได้ตำแหน่งเกษตร ๑๐ ดวง ตามคำกลอนที่ท่านบูรพาจารย์ได้ประพันธ์ไว้ว่า “ ยศศักดิ์ทายอาทิตย์ รูปร่างจริตทายจันทร์ กล้าแข็งขยันทายอังคาร เจรจาอ่อนหวานทายพุธ ปัญญาบริสุทธิ์ทายพฤหัส กิเลสสมบัติทายศุกร์ โทษทุกข์ทายเสาร์ มัวเมาทายราหู อายุยืนอยู่ทายเกตุ ภัยอาเพศทายมฤตยู” ๑. ยศศักดิ์ทายอาทิตย์(๑) หรือทายสถานฟุ้งเฟืองทายอาทิตย์ เนื่องจากอาทิตย์เป็นเจ้าแห่งความสว่าง ดังนั้น อาทิตย์จึงบ่งถึงความสว่างของชีวิต ถ้าดวงชาตาของบุคคลใดดาวอาทิตย์ดี วิถีชีวิตก็มีแต่ความเจริญราบรื่น ถ้าดาวอาทิตย์เสีย ทางชีวิตมักค่อนข้างจะมืดมน ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ค่อยก้าวหน้า ๒. รูปร่างจริตทายจันทร์(๒) จันทร์ให้แสงสว่างในเวลากลางคืน ฉายแสงนวลเปล่งปลั่ง ช่วยให้มีชีวิตจิตใจสดชื่นผ่องใส และบ่งถึงความสวยงาม ความมีเสน่ห์ ถ้าจันทร์ในดวงชาตาของบุคคลใดเสีย จะทำให้ร่างกายไม่สวยงาม หาเสน่ห์ไม่ได้ กิริยาไม่เรียบร้อย พึ่งญาติไม่ได้ ๓. กล้าแข็งขยันทายอังคาร(๓) อังคารเป็นเจ้าแห่งสงคราม มีอำนาจ เข้มแข็ง ว่องไว มุทะลุ ตึงตัง ถ้าดวงชาตาของบุคคลใดอังคารให้โทษ ย่อมเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากการผ่าตัดและอุบัติเหตุ ถ้าอังคารให้คุณ ก็จะทำให้เป็นผู้แข็งแรง มีอนามัยสมบูรณ์ ๔. เจรจาอ่อนหวานทายพุธ(๔) พุธเป็นเจ้าแห่งวาจาและการค้าขาย บ่งถึงการสมาคม คำพูด ธุรกิจ การศึกษา การเขียนจดหมาย การเดินทางใกล้ๆ ถ้าดวงชาตาใดพุธให้คุณ ก็เรียกว่า มีปากดีเป็นเงินเป็นทอง มีเพื่อนฝูงมาก ถ้าพุธให้โทษ ก็เป็นคนปากเสีย เสียเงินเสียทอง พูดไม่นวลหู ๕. ปัญญาบริสุทธิ์ทายพฤหัส(๕) พฤหัสมีลักษณะทนทาน ความคิดสุขุมรอบคอบ ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ ถ้าดวงชาตาของบุคคลใดมีดาวพฤหัสให้คุณ ก็จะมีหวังได้เดินทางไกล เช่น ต่างประเทศ การดำเนินชีวิตไม่ว่าในบ้านหรือนอกบ้านก็ราบรื่น ถ้าพฤหัสให้โทษก็ทำให้วิถีชีวิตต้องตกระกำลำบาก มักจะประสบกับความล้มเหลวหรืออึดอัดดุจอยู่ในคุกตลอดชีพ ๖. กิเลสสมบัติทายศุกร์(๖) ศุกร์หมายถึงการยินดี การดื่ม กามารมณ์ ความรักสวยรักงาม และหมายถึงการเงินสมบัติทุกชนิด ถ้าดวงชาตาใดดาวศุกร์ให้คุณ ก็จะมีเงินใช้ไม่ขาดมืด มีสมบัติมาก มีคู่ที่พอใจ ถ้าดาวศุกร์ให้โทษ ก็จะพบแต่ความขาดแคลนเรื่องเงินทองและสมบัติ จะประสบกับความผิดหวังในเรื่องความรัก ได้คู่ที่ไม่สมใจ ๗. โทษทุกข์ทายเสาร์(๗) เสาร์เป็นไฟกรุ่นอยู่นาน บ่งถึงความวิตกกังวล ความทุกข์ยาก ลำบาก ความกลัดกลุ้ม ความอิจฉาริษยา ถ้าดวงชาตาใครดาวเสาร์ให้คุณ ก็จะทำให้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย มีโชคดีในเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงาน ถ้าดาวเสาร์ให้โทษก็มีแต่ความทุกข์เหน็ดเหนื่อย ทรมาน วิถีชีวิตมีแต่ความเหี่ยวแห้งไม่สดชื่น ๘. มัวเมาทายราหู(๘) ราหูคือลมที่พัดเอาอย่างแตกหักทำลาย หมายถึงเจ้านักเลง ไม่มีใครทาบติด นักดื่มตัวยง บ้ายอ หูเบา ชอบของดองของมึนเมา ชอบถ้อยคำที่อ่อนหวาน และหมายถึงโชคทางการพนัน เช่นค้าของเถื่อน ถูกสลากกินแบ่ง ถ้าดวงชาตาใครราหูให้คุณ ก็ทำให้มีลาภบ่อย ถ้าราหูให้โทษ ก็ทำให้คนงมงาย ถูกหลอกลวง บางรายถึงกับล้มละลาย ๙. อายุยืนอยู่ทายเกตุ (๙) เกตุเป็นวิญญาณธาตุ หมายถึง การกระตุ้น ความเร่งเร้าให้ความมีชีวิตชีวา เปรียบดังกระแสน้ำที่ไหลเป็นสายธาร เป็นเครื่องหมายของอายุ ฉะนั้นเรื่องหาอายุจึงให้พิจารณาเกตุเข้าช่วย ถ้าเกตุอยู่กับดาวเคราะห์ดีดี และอยู่ในตำแหน่งที่ดีกับดวงชาตาของบุคคลใดแล้วจะทำให้ผู้นั้นมีอายุยืนนาน ถ้าเกตุอยู่กับดาวที่เสียไม่ให้คุณ หมายถึง อายุสั้น(๐) ๑๐. ภัยอาเภททายมฤตยู (๐) มฤตยูเป็นอากาศธาตุ คือธาตุว่าง หรือรวมแห่งธาตุทุกชนิด เป็นเทพเจ้าแห่งความตาย และคอยบันดาลเหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่คาดฝัน เกี่ยวกับ ภูตผีปีศาจ ไสยศาสตร์ เวทมนต์ เทวดาอารักษ์ ล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าแห่งอาเภทภัยทั้งหลาย ถ้าดวงชาตาของผุ้ใดมีมฤตยูให้คุณ ก็มักจะไม่มีภัยเภทเกี่ยวกับวิถีชีวิตให้ยุ่งยากนัก ถ้ามฤตยูให้โทษก็มักจะพบแต่ความวุ่นวายประสบภัยเภทต่างๆ การงานอาชีพก็ต้องมีเรื่องยุ่งๆ อยู่เสมอ และมักจะมีโรคภัยไข้เจ็บอยู่เป็นประจำ เมื่อมฤตยูมีโอกาสโคจรมาให้โทษกับดวงชาตา และดาวอื่นๆ ขาดความสัมพันธ์ในทางให้คุณ ก็เป็นโอกาสของมฤตยูที่จะฉุดกระชากชีวิตให้ถึงตายในทันทีท่านอาจารย์สิงห์โต สุริยาอารักษ์ ท่านได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ดาวแต่ละดวงที่ได้มาตรฐานดีหรือเสีย จะมีกลเม็ดหรือเคล็ดลับเป็นข้อยกเว้นในการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม มีดังนี้๑. ดาวที่ได้ตำแหน่งประ หรือนิจเล็งกัน หมายถึงดาวที่ได้ตำแหน่งประ กับดาวที่ได้ตำแหน่งประ เล็งกัน ดาวดวงนั้น จะกลับเป็นเกษตร ทั้งคู่ ๒.ดาวที่ได้ตำแหน่งนิจ กับดาวที่ได้ตำแหน่งนิจ เล็งกัน ดาว ๒ ดวงนั้น จะกลับเป็นอุจจ์ ทั้งคู่ เช่น ดาวเสาร์(๗) สถิตราศีกรกฎ เป็นนิจ ดาวจันทร์(๒) สถิตราศีมังกร เป็นนิจ เล็งกัน ท่านกล่าว ดาวจันทร์(๒) และดาวเสาร์(๗) กลับเป็นเกษตรทั้งคู่ หรือดาวเสาร์(๗) สถิตราศีเมษ เป็นนิจ ดาวอาทิตย์(๑) สถิตราศีตุลย์ เป็นนิจ ดาวอาทิตย์(๑) และดาวเสาร์(๗) กลับเป็นอุจจ์ทั้งคู่๓. ดาวที่สลับเรือนเกษตรกัน ท่านว่าได้เกษตรเหมือนกัน เช่น ดาวจันทร์(๒) สถิตราศีเมษ ดาวอังคาร(๓) สถิตราศีกรกฎ ท่านกล่าวว่า ดาวจันทร์(๒) และดาวอังคาร(๓) ได้ตำแหน่งเกษต ทั้งคู่๔. ดาวที่ได้ตำแหน่งประ หรือนิจ หากไปสถิตในเรือนทุสนะภพ(อริ มรณะ วินาสน์) กับลัคนา ท่านกล่าวจะให้คุ(ณแก่เจ้าชาตา เพราะเข้ากฏที่ว่า ลบ - ลบ กลายเป็นบวก๕. ดาวที่ได้ตำแหน่งมาตรฐานทั้ง ๑๐ ดวง ถ้าดาวดวงใดได้ตำแหน่งที่ดี สถิตเป็นตรีโกณกัน หรือเล็งกัน จะให้คุณอย่างมากที่สุด ตัวอย่าง เช่น ดาวจันทร(๒) สถิตราศีเมษ ได้ตำแหน่งมหาจักร ดาวพุธ(๔) สถิตราศีสิงห์ ได้ตำแหน่งมหาจักร อุจจาวิลาส ราชาโชค สถิตตรีโกณซึ่งกันและกัน เป็นดาวคู่มิตร ทำให้เจ้าชาตาเป็นคนมีเสน่ห์ หรือดาวพุธ(๔) สถิตราศีกันย์ และดาวพฤหัส(๕) เป็นเกษตร สถิตราศีมีน ดาวเกษตรเล็งกัน จะให้คุณที่แรงมาก หากดาวดวงใดดวงหนึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนกดุมภะ(การเงิน) หรือเจ้าเรือนพันธุ ด้วยแล้ว จะทำให้เจ้าชาตามีสมบัติมาก บางคนมีที่ดินเป็นพัน ๆ ไร่ เรียกว่าราชาที่ดิน๖. ดาวที่ได้ตำแหน่งเกษตรนั้น ท่านว่าถึงอย่างไรก็ไม่เสีย แม้จะไปสถิตในทุสนะภพ(อริ มรณะ วินาสน์) หรือได้ตำแหน่งพินทุบาทว์ ก็ไม่เสีย ดาวที่ได้ตำแหน่งเกษตรทรงไว้ซึ่งอำนาจแห่งความเป็นเกษตรอยู่วันยังค่ำ เช่น ถ้าดาวเกษตร สถิตในภพอริ เจ้าชาตามักจะมีร่างกายแข็งแรง ปราศจากศัตรูรบกวน ถ้าดาวเกษตร ไปสถิตในภพมรณะ เจ้าชาตาจะมีความเป็นอยู่อย่างสุขสงบ ไม่เศร้าสร้อย ถ้าดาวที่ได้ตำแหน่งเกษตร สถิตในภพวินาสน์ เจ้าชาตาก็จะปราศจากความคับแค้นใจ เว้นจากความพินาศฉิบปาย๗. มีดาวที่ได้ตำแหน่งพิเศษอยู่ ๒ ตำแหน่ง ดาวที่ได้ตำแหน่งจุลจักร และดาวที่ได้ตำแหน่งเทวีโชค ดวงดาวเคราะห์ที่เป็นจุลจักร หรือเทวีโชค คือ ดาวที่อยู่ในตำแหน่งในราศีตรงข้ามกับดวงดาวที่เป็นมหาจักร หรือราชาโชค ดาวเคราะห์จุลจักรหรือเทวีโชค ให้คุณน้อยกว่าดวงดาวที่เป็นมหาจักรหรือราชาโชค แต่ถ้ากุมลัคนาแล้ว จึงจะมีคุณสมบัติเด่นดีที่สุด ให้คุณเป็นพิเศษสุดเท่ากับดาวนั้น เป็นมหาจักร หรือเป็นราชาโชค ถ้ากุมลัคนา จะให้คุณเต็มที่เหมือนเป็นมหาจักร และราชาโชค#สนใจสมัครเรียนโหราศาสตร์ไทย อย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถทางด้านด้านโหราศาตร์ไทย แบบครบวงจร สามารถในการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิมและดวงชาตาจรได้ สามารถนำความรู้ที่ได้จากเรียนไปใช้ในชีวิตประจำวันและสามารถเป็นนักพยากรณ์ที่ดีได้ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมให้คลิค : m.me/arjarnthi หรืออยากอ่านบทความใหม่ ๆ ให้ไปที่ เวปไซต์ : www.arjarnthi.com แล้วให้ Subscribe ท่านจะได้อ่านบทความใหม่ ๆ ผ่านทางอีเมล์

Read more

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวเสาร์(๗)

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวเสาร์(๗)

ในการพยากรณ์ดวงชาตาตามหลักโหราศาสตร์ไทย จะมีดาวนพเคราะห์จำนวน ๑๐ ดวง โดยแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือดาวศุภะเคราะห์ มีดาวจันทร์(๒) ดาวพุธ(๔) ดาวศุกร์(๖) ดาวพฤหัส(๕)  ดาวบาปเคราะห์ มีดาวอาทิตย์(๑) ดาวอังคาร(๓) ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘) ดาวที่เป็นได้ทั้งศุภะเคราะห์และบาปเคราะห์ มีดาวเกตุ(๙) และดาวมฤตยู(๐)  จะเห็นได้ว่าดาวพระเสาร์(๗) เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้

ดาวที่คุ้มโทษได้ มีดาวอะไรบ้าง

ดาวที่คุ้มโทษได้ มีดาวอะไรบ้าง

ในราศีทั้ง ๑๒ ราศี  จะแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ ๑. ปัศวะราศี  ประเภทสัตว์บก ๔ เท้า มีราศีเมษ ราศีพฤษภ และราศีสิงห์  ๒. นระราศี ประเภทมนุษย์ มีราศีเมถุน ราศีกันย์ ราศีตุลย์ ราศีธนู และราศีกุมภ์  ๓. อัมพุราศี  ประเภทสัตว์น้ำมี

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวศุกร์(๖)

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวศุกร์(๖)

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวศุกร์  (Venus) ดาวศุกร์(๖) จากคำกลอนที่ท่านบูรพาจารย์ได้กล่าวว่า “กิเลสสมบัติทายศุกร์” มีคำที่เป็นคำหลัก( keyword ) อยู่สองคำ คือคำว่า กิเลส กับคำว่าสมบัติ .คำว่ากิเลส หมายถึง ความรัก ความสวยงาม รสนิยมทางด้านศิ

คุณ-โทษของดาวที่เดินวิกลคติ

คุณ-โทษของดาวที่เดินวิกลคติ

ดาวที่เดินผิดปกติคือ  เรียกว่า วิกลคติ   ความหมายของดาวที่เดินผิดปกติโดยปกติแล้วการโคจร หรือการเดิน ของดวงดาวในทางโหราศาสตร์นั้น จะเดินตามระยะเวลาที่ได้มีการ คํานวณเอาไว้แต่ทว่า ในการโคจรดวงดาว จะมีภาวะบางอย่างที่ทําให้ การโคจรแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งในทางโหราศาสตร์ไทยจะกล่าวถ ึงการเดิน แบบผิ