เคล็ดลับเกี่ยวกับฆาตขัย
คำว่าฆาต แปลว่า การฆ่า, การทำลาย. ขัย แปลว่า อายุ
ท่านอาจารย์บรรเทา จันทร์ศร(อุตรภัทร์) ท่านได้รวบรวมเกี่ยวกับเคล็ดลับเกี่ยวกับฆาติขัย ถือว่าเป็นเพชรเม็ดเอกของโหราศาสตร์ไทย โดยท่านได้กล่าวไว้ว่า ท่านโบราณจารย์ได้ประพันธ์เป็นคำกลอนไว้ว่า
๑. ผิจะฆาตลัคนาอายุขัย อสุรินทร์ถึงลัคนาใน บาปเคราะห์จรไปมาทับกัน ทั้งพระจันทร์นั้นมาทับลัคนา ให้ทายตัดชีวาถึงอาสัญ
๒.อนึ่งอาทิตย์และอังคารมาทับจันทร์ จะเป็นโทษผูกพันต้องจำจอง
๓. อนึ่งเล่าอสุรินทร์มาทับจันทร์ อังคารนั้นเล็งลัคน์เข้าเป็นสอง ทั้งอาทิตย์ถึงเสาร์เข้าโดยปองทายสนองควรตัดว่าถึงตาย
๔.อนึ่งองค์อสุรินทร์ถึงภุมเมศ อังคารประเวศต้องพฤหัสบดีหมาย ทั้งอาทิตย์ต้องลัคน์ท่านทายตาย ด้วยอาชญาโทษร้ายมาถึงตน
๕.อนึ่งอังคารถูกพฤหัส อาทิตย์จรถึงอาทิตย์รานรอนระเหระหน จะต้องโทษผูกมัดบัญญัติตนจะต้องขับไปพ้นจากฐาน
๖. อนึ่งพฤหัสต้องลัคน์และบาปเคราะห์ จรเฉพาะองค์ใดมิได้ว่า มาเล็งพุธจันทร์และสุริยาถูกราหูทายว่าชีวาวาย
๗.อนึ่งพฤหัสถูกจันทร์และภุมเมศ เล็งอังคารสุริเยศ ต้องลัคน์หมาย จะต้องโทษราชฑัณฑ์อาชญาตาย ตำหรับทายชีวาตะแบงชอน
๘. อนึ่งเสาร์เล็งลัคน์ ครูเล็งจันทร์ พระศุกร์นั้นต้องพระเสาร์มาสังหรณ์ จะตายในปีนั้นพยากรณ์ เพราะหญิงร้ายราญรอนท่านทำนาย
๙. อาทิตย์เล็งราหู จันทร์ต้องลัคน์ พระเสาร์ทักถูกอังคาร ทำนายหมาย อย่าสร้างเรือนใหม่จะให้ตาย ว่าพระเคราะห์ร้ายท่านห้ามในตำรา
๑๐. อาทิตย์ต้องอาทิตย์ เสาร์ถูกจันทร์ อังคารนั้นถึงเสาร์ในชันษา จะตายด้วยไข้ลมเป็นโรคาในตำราทายตัดวิบัติเป็น
๑๑.อนึ่งอังคารทับลัคน์ทำนายไว้ ราหูไซร้ถูกจันทร์จะเกิดเข็ญ พระอาทิตย์ต้องเสาร์เฉพาะเป็นพิเคราะห์เห็นต้องตายด้วยพิษยา
๑๒. อนึ่งอสุรินทร์ทับลัคน์อยู่ พระพุทธเล็งราหูวิหิงสา พระอังคารต้องเสาร์แทรกเข้ามา เสาร์เล็งศุกราท่านทำนาย จะสิ้นสูญอายุสังขารา ตกต้นพฤษาสูงฉิบหาย อายุตัดเร่งระมัดบัญญัติกาย พระเคราะห์ร้ายนักอยู่จงรู้ตน
๑๓. อนึ่งศุกร์ต้องเสาร์ จันทร์เล็งจันทร์ ราหูนั้นเล็งพุธอย่าฉงน พระอาทิตย์ต้องลัคน์เป็นสาลวนจะตกในสายชลชีวาวาย
๑๔. อนึ่งพระเสาร์มาพ้องต้องภุมเมศ อังคารประเวศเล็งลัคนาหมาย อาทิตย์ถูกอังคารท่านภิปราย อังคารต้องอาทิตย์ตายด้วยพิษงู
๑๕. เสาร์ทับลัคน์ ภุมต้องอาทิตย์ สำแดงฤกษ์จันทร์จรถูกราหู อาทิตย์ถูกลัคนาตำราดูอีกราหูนั้นจรมาต้องจันทร์ อายุขาดจะพินาศมรณา จะต้องถูกสายฟ้าถึงอาสัญ ถ้าพระเคราะห์ต้องทับอันดับกัน ตำรานั้นท่านทายว่าตายเอย
ท่านอาจารย์บรรเทา จันทร์ศร(อุตรภัทร์) ท่านสรุปว่า ฆาตขัยทั้ง ๑๕ ข้อนี้ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับดาวราหู หรือดาวบาปเคราะห์ใหญ่ ๆ เช่น ดาวเสาร์ ดาวอังคารและดาวอาทิตย์
จุดที่ทำให้ดาวราหู เกิดฆาตขัยขึ้นนั้น
๑. ฆาตที่เกิดจากอุปราคาหรือสุริยคราสและจันทรคราส
๒.ฆาตที่เกิดจากดาวบาปเคราะห์โคจรมาทับกัน
จุดที่ดาวราหูจะทำให้เกิดฆาตขัย เป็นระยะที่เกิดจากจันทรคราส หรือสุริยคราส จุดที่เกิดคราส(องศาดาวอาทิตย์) นั้นมาตรงกับดาวพระเคราะห์ที่ราหูเข้าไปทับหรือเล็ง จะทำให้ดาวพระเคราะห์ดวงนั้น ถึงจุดดับขึ้น และจุดดับนั้น ๆ จะเกิดขึ้นแก่ภพหรือเจ้าเรือนชาตานั้นทันที
เช่น จุดคราส(องศาอาทิตย์ในวันคราส) ทับดาวเจ้าเรือนลัคน์อาจถึงตาย หากไม่สิ้นชีวิตก็เหมือนตายทั้งเป็น คือสิ้นเนื้อประดาตัวทั้งเกียรติและความเชื่อถือ ทับดาวเจ้าเรือนกดุมภะสูญสิ้นทางการเงินและทรัพย์สิน ถึงดาวเจ้าเรือนสหัชชะสูญสิ้นทางสังคมและเพื่อน ๆ พี่น้อง ถึงดาวเจ้าเรือนพันธุสูญสิ้นวงศาคณาญาติและยานพาหนะ บ้านเรือน รถยนต์
สรุป จุดคราสนั้นไปทับหรือเล็งกับดาวเคราะห์ดวงใดและมีองศาเท่ากับดาวดวงนั้น ดาวดวงนั้นก็จะเข้าสู่จุดดับหรือจุดฆาตขัยทันที และเมื่อดาวดวงนั้นเป็นดาวเจ้าเรือนหรือภพใด เรือนนั้นหรือภพนั้น จะเข้าสู่จุดดับ
วิธีในการหาจุดคราส จะต้องคำนวณดวงชาตาที่มีองศา ลิปดาของลัคนาดาวเคราะห์ทุกดวง เป็นประการแรก
ประการต่อมาต้องหาสัมผุสของดาวเคราะห์ที่ดาวราหูเล็งหรือทับเป็นอันดับแรก อันดับต่อมา ต้องดูว่าเมื่อเกิดคราส ดาวอาทิตย์มีองศาเท่าใด ตรงกับองศาของดาวเคราะห์ดวงนั้นหรือไม่ หากตรงกับดาวเคราะห์ดวงใด ดาวเคราะห์ดวงนั้น จะถึงจุดฆาตขัย หากไม่ตรงก็ไม่ถึงจุดฆาตขัย แต่ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของราหู
จันทรคราสหรือสุริยคราส เกิดขึ้นเนื่องจากดาวอาทิตย์และจันทร์เท่ามุม ๐๐ องศา หรือ ๑๘๐ องศา ต่อกัน ในระหว่างที่อาทิตย์กับจันทร์ทำมุม ๐๐ องศา หรือ ๑๘๐ องศา แก่กันนั้น จะอยู่ห่างจากราหูไม่เกิน ๑๘ องศา ไม่ว่าร่วมหรือเล็งจุดนั้น จะเกิดคราสหรือเกิดอุปราคา คือถ้าหากจันทร์กับอาทิตย์ทำมุม ๐๐ องศา แก่กันเรียกว่าวันอมาวสี หรือวันพระจันทร์ดับ จะเป็นสุริยุปราคา และหากอาทิตย์กับจันทรทำมุม ๑๘๐ องศา แก่กันเรียกว่า ปุรณมี หรือวันพระจันทร์เพ็ญ วันนั้น จะเป็นวันจันทรุปราคา
สรุป วิธีคำนวณหาคราสมี ๒ ประการ
๑. ดูวันพระจันทร์ดับ(ทำมุม ๐๐ องศา กับดาวอาทิตย์) หรือวันพระจันทร์เพ็ญ(ทำมุม ๑๘๐ องศา กับดาวอาทิตย์
๒. ให้ดูองศาของดาวอาทิตย์ในวันที่พระจันทร์ดับหรือวันพระจันทร์เพ็ญว่า
๒.๑. อยู่ห่างจากราหูระหว่าง ๐๐ องศา - ๑๘ องศา วันนั้น จะมีอุปราคาหรือมีคราส
๒.๒. ถ้าหากอยู่ห่างจากราหูเกิน ๑๘ องศา ขึ้นไป เป็นวันปกติ หรือให้ดูว่า เมื่อราหูสถิตอยู่ในราศีใดแล้ว เมื่ออาทิตย์โคจรเข้ามาสู่ราศีที่ ๑๒, ๐๐ องศา , ๐๑ องศาแล้วเกิดวันพระจันทร์เพ็ญหรือวันพระจันทร์ดับ และระหว่างพระจันทร์เพ็ญหรือพระจันทร์ดับนั้น องศาของอาทิตย์อยู่ห่างจากราหูไม่เกิน ๑๘ องศา แล้ว วันนั้น จะเป็นวันที่มีอุปราคา
หากทราบว่าราหูสถิตอยู่ในราศีใดแล้วเมื่อดาวอาทิตย์มาอยู่ในราศีที่ ๖, ๗,๘ จากราหู และเกิดวันพระจันทร์เพ็ญหรือวันพระจันทร์ดับ และในวันเพ็ญหรือวันดับนั้น องศาของดาวอาทิตย์อยู่ห่างจากราหูตั้งแต่ ๕ ราศี ๑๒ องศา ถึง ๖ ราศี ๑๘ องศา แล้วในวันเพ็ญหรือวันดับนั้น จะทำให้เกิดคราสหรืออุปราคา คือถ้าหากเป็นวันพระจันทร์ดับ ก็จะเป็นสุริยุปราคา หากเป็นวันพระจันทร์เพ็ญ ก็จะเป็นวันจันทรุปราคา
ดังนั้น การคำนวณหาครางสต่าง ๆ ท่านอาจารย์กล่าวว่า เราจะศึกษาการคำนวณดาวเพียง ๓ ดวง อันได้แก่ อาทิตย์ จันทร์ และราหูนั้นเอง
ตัวอย่างจันทรคราส วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒
อาทิตย์มี ๐๘ องศา ๑๑ ลิปดา
จันทร์มี ๗ องศา ๑๓ ลิปดา
ราหูมี ๑๑ องศา ๐๙ ลิปดา
ดังนั้น วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒ เป็นวันมาฆะบูชา เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ(จันทร์เล็งอาทิตย์) ซึ่งองศาของดาวอาทิตย์มี ๐๘ องศา แต่องศาของราหู มี ๑๑ องศา ๐๙ ลิปดา ซึ่งห่างกันเพียง ๐๓ องศา เท่านั้น จึงเกิดจันทรุปราคา
วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๓๒
อาทิตย์มี ๒๓ องศา ราศีกุมภ์
จันทร์ มี ๒๓ องศา ราศีกุมภ์
ราหู มี ๙ องศา ๕๘ ลิปดา
วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๓๒ เป็นวันพระจันทร์ดับ (จันทร์ ๐๐ องศา อาทิตย์) และอาทิตย์มี ๒๓ องศา ดาวราหู มี ๙ องศา ๕๘ ลิปดา ดาวราหู(๘) ห่างจากอาทิตย์ ๑๔ องศา ไม่เกิน ๑๘ องศา จึงเกิดสุริยุปราคา
วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๓๒
อาทิตย์ ๐ องศา๐ ลิปดา ราศีสิงห์
จันทร์ ๐ องศา ๑๑ ลิปดา ราศีกุมภ์
ราหู ๑ องศา ๒๒ ลิปดา ราศีกุมภ์
วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๓๒ เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ และเมื่อนำองศาของอาทิตย์มาลบองศาราหูดู ห่างกัน ๑ องศา ไม่เกิน ๑๘ องศา ดังนั้น วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๓๒ เป็นวันที่เกิดจันทรุปราคา
วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๒
วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๒ เป็นวันพระจันทร์ดับ เนื่องจาก
อาทิตย์ มี ๑๓ องศา ๒๗ ลิปดา
จันทร์ มี ๑๓ องศา ๒๗ ลิปดา
ราหู มี ๐ องศา ๓๗ ลิปดา
เมื่อเอาองศาของราหูมาลบองศาอาทิตย์แล้ว ห่างกัน ๑๓ องศา ไม่เกิน ๑๘ องศา ฉะนั้น จึงเกิดสุริยุปราคา
สำหรับเรื่องฆาตขัย จะเกิดขึ้นแก่เจ้าชาตาเมื่อจุดคราสหรือองศาของดาวอาทิตย์ในวันคราสตรงกับราศีใด และองศาของดาวเจ้าเรือนลัคน์ หรืออาทิตย์ จันทร์ในเรือนชาตา โดยไม่มีดาวพฤหัสให้ความช่วยเหลือ แสดงว่าชาตาจะถึงฆาตขัยแล้ว
ในเรื่องฆาตชัย นอกจากถือเอาจุดคราสหรือจุดอุปราคาเป็นข้อสำคัญในการพยากรณ์ เป็นส่วนสำคัญแล้ว ส่วนสำคัญที่ท่านบูรพาจารย์ถือเป็นหลักในการพยากรณ์อีกอย่างหนึ่ง คือ ดาวเคราะห์ที่โคจรเข้าตามหลักที่ท่านเรียกว่า “สมาสัปต์) ซึ่งปรากฎในคำกลอนบทที่ ๑ ว่า ผิวจะฆาตลัคนาอายุขัย อสุรินทร์ถึงลัคนาใน บาปเคราะห์าจรไปมาทับกัน ทั้งพระจันทร์นั้นมาทับลัคนาให้ทายตัดชีวาถึงอาสัญ”
คำว่า บาปเคราะห์จรไปมาทับกันนั้น หมายความว่า ดาวที่เรียกว่าบาปเคราะห์ทั้ง ๔ ดวงนี้ จรไปมาทับกันทั้งหมดหรือ ๒ ดวงขึ้นไป ตัวอย่างเช่น ดาวเสาร์โคจรทับดาวอาทิตย์ และดาวอาทิต์โคจรทับดาวเสาร์ ดาวเคราะห์ที่โคจรแบบนี้ เรียกวาสมาสัปต์ สมาสัปต์ในลักษณะอย่างนี้ หากดาวเสาร์และดาวอาทิตย์ในดวงชาตาเดิมอยู่ในทุสนะภพแก่กัน( เป็น ๖,๘, ๑๒ ราศีแก่กัน) ด้วยแล้ว เคราะห์ร้ายย่อมจะเกิดแก่เจ้าชาตาอย่างแน่นอน อาจสูญเสียของรัก ของหวง เสียญาตสนิทหรือเสียชีวิต
ประการต่อมา หากเสาร์โคจรทับอาทิตย์ ๆ โคจรทับอังคารๆ โคจรทับราหู ๆ โคจรทับเสาร์ เป็นลักษณะโคจรไปมาทับกันหมด เป็นเรื่องที่ถึงกำหนดที่อายุขาดเหมือนกัน แต่ที่สำคัญ ต้องดูว่า พระเคราะหตัวใดตัวหนึ่งเป็นเจ้าเรือนตนุลัคน์หรือไม่ หากไม่ใช้เจ้าเรือนตนุลัคน์ ก็พ้นฆาต กลายเป็นความสูญเสียทางเรือนชาตา
เมื่อรู้ว่าจะถึงฆาตขัย แล้วจะมีสิ่งใดหรือวิธีการอย่างไร จะมาแก้ไขเคราะห์ร้าย นั้น ได้บ้างหรือไม่
ดาวที่จะมาช่วย ได้แก่ดาวพฤหัส ซึ่งเป็นหัวหน้าดาวฝ่ายศุภะเคราะห์ เป็นดาวที่ให้คุณมากกว่าให้โทษ
ดาวพฤหัสจะช่วยได้อย่างไร
ในช่วงที่มีอุปราคาหรือระหว่างดาวบาปเคราะห์โคจรสมาสัปต์นั้น ดาวพฤหัสโคจร
๑. ทับหรือเล็ง ลัคน์, จันทร์ และเจ้าเรือนตนุลัคน์
๒. โคจรมาร่วม หรือเล็งราศีราศีที่เกิดคราส
๓. ราศีที่เกิดคราสนั้น ดวงเดิมมีดาวพฤหัสสถิตอยู่
พฤหัสเข้ามาอยู่ในจุดใดจุดหนึ่งใน ๓ จุดนั้น เคราะห์หรือฆาต อาจจะพ้นไปได้ หรืออาจจะมีบ้าง แต่ไม่มาก