ดวงเศรษฐี ตอนที่ ๑

ดวงเศรษฐี ตอนที่ ๑
.ตามหลักโหราศาสตร์ไทย ท่านบูรพาจารย์ท่านได้ใหัหลักเกณฑ์ที่สำคัญในการพิจารณาดวงชาตาของแต่ละคน ท่านให้ยึดถือเอาลัคนา ดาวจันทร์(๒) และดาวอาทิตย์ในดวงชาตาเป็นสำคัญ
.ฉะนั้น ดาวจันทร์(๒) ถือว่าเป็นดาวที่สำคัญในการพยากรณ์เท่าเทียมกับลัคนา ยิ่งดวงชาตาที่เป็นสตรีแล้ว ดาวจันทร์(๒) มีความสำคัญมากในดวงชาตา
.ท่านอาจารย์บรรเทา จันทร์ศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า ดาวจันทร์(๒) ทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าเป็นลัคนาตัวหนึ่งคู่กับดาวอาทิตย์(๑) หากคนที่รู้เฉพาะวันเดือนปีเกิดแต่ไม่รู้เวลาเกิด ก็สามารถใช้ดาวจันทร์(๒) แทนลัคนาได้
.ในการพิจารณาดวงชาตาของคนที่มีจะมีฐานะร่ำรวยหรือเป็นเศรษฐีหรือมหาเศรษฐี ท่านให้ถือเอาดาวเจ้นทร์(๒) เหมือนเป็นลัคนา แล้วตรวจสอบว่าในดวงชาตาใดที่มีดาวเคราะห์อยู่ในราศีที่ ๒ ราศีที่ ๖ ราศีที่ ๗ ราศีที่ ๘ และราศีที่ ๑๒ จากดาวจันทร์(๒) ครบถ้วน ดวงชาตานั้นก็จะมีความสมบูรณ์พูลสุข มีฐานะและหลักฐานมั่นคง มีฐานะอยู่ในระดับเศรษฐีหรือมหาเศรษฐี หากมีดาวเคราะห์ดังกล่าวอยู่ไม่ครบตามเกณณ์ดังกล่าว อาจจะมีเพียง ๓ ราศี เช่น ราศีที่ ๒ ราศีที่ ๘ และราศีที่ ๑๒ จากดาวจันทร์(๒) ก็ยังใช้ได้ อย่างน้อยก็มีเงิน มีคนคอยรับใช้ ช่วยเหลือและให้การสนับสนุนด้านการเงิน คือจะไม่ความขัดสนเรื่องการเงิน ถ้าหากไม่มีดาวเคราะห์ตามเกณฑ์ที่กำหนด ท่านว่าคนนั้น จะอยู่ในฐานะที่ค่อนข้างจะยากจน ต้องต่อสู้ดิ้นรนในการดำรงชีพเป็นอย่างมาก กว่าจะได้เงินมาเลี้ยงชีพ
.ทำไม่ถึงเป็นอย่างนั้น ท่านอาจารย์ได้วิเคราะห์ให้รู้ หากเราถือเอาดาวจันทร์(๒) เป็นเสมือนลัคนา หรือเป็นแก่นสารในการดำรงชีวิต ราศีที่ ๒ จากดาวจันทร์(๒) หมายถึงการเงินและทรัพย์สินเงินทอง ราศีที่ ๖ ดาวจันทร์(๒)หมายถึง มีคนรับใช้และให้บริการ ราศีที่ ๗ ดาวจันทร์(๒)หมายถึง คู่ครอง คู่สัญญา หุ้นส่วน ราศีที่ ๘ หมายถึง การฟื้นคืนชีพ หรือการแก้ไขความเบื่อหน่าย ความโศรกเศร้า ให้เป็นคนมีความสุขและมีความกระตือรือร้น ขยันขันแข็งในการดำเนินชีวิต ราศีที่ ๑๒ จากดาวจันทร์(๒) หมายถึง มีคนสนับสนุน อุปถัมภ์ค้ำชู ส่งเสริม ผลักดันและป้องกันภยันอันตรายทั้งปวง
.หากดวงชาตาใครที่ไม่มีดาวจันทร์(๒) ในราศีที่ ๒ จากดาวจันทร์(๒) ก็จะปราศจากทรัพย์สินเงินทอง ถึงแม้จะมีก็ต้องแสวงหามาด้วยความยากลำบาก ได้ทรัพย์สินเงินทองมาแล้วก็ไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ มีเรื่องจำเป็นต้องใช้จ่ายหรือมีคนอื่นมาช่วยใช้
. หากดวงชาตาใครที่ไม่มีดาวจันทร์(๒) ในราศีที่ ๖ จากดาวจันทร์(๒) ก็จะปราศจากคนที่จะมารับใช้และให้บริการ กิจการทุกอย่างต้องทำด้วยตนเอง ขาดคนช่วยเหลือ
.
หากดวงชาตาใครที่ไม่มีดาวจันทร์(๒) ในราศีที่ ๗จากดาวจันทร์(๒) ก็จะปราศจากคู่ครอง คนรัก หุ้นส่วน หรือปราศจากคนคู่คิด คู่ปรึกษาหารือ ชีวิตจะเป็นคนค่อนข้างจะโดดเดี่ยว
.
หากดวงชาตาใครที่ไม่มีดาวจันทร์(๒) ในราศีที่๘ จากดาวจันทร์(๒) ก็จะปราศจากมรดก ทรัพย์สินเงินทองที่จะได้จากบรรพบุรุษ หรือบิดา มารดา ญาติผู้หใญ๋
.
หากดวงชาตาใครที่ไม่มีดาวจันทร์(๒) ในราศีที่ ๑๒ จากดาวจันทร์(๒) ก็จะปราศจากการสนับสนุน การส่งเสริม การอุปถัมภ์ค้ำชูทั้งในด้านการงานและการเงิน
.
หากดวงชาตาใดขาดเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งก็พอดำรงชีวิตไปได้ หากขาด ๓ เกณฑ์ก็ยังพอไปได้ หากขาดทุกเกณฑ์การดำรงชีวิตก็คงจะยากจนเข็ญใจ ต้องต่อสู้ดิ้นด้วยความเหนื่อยยากลำบากในการดำรงชีพ กว่าจะได้เงิน ได้งานมาทำ ก็ลำบากยากเข็ญ
.
ท่านได้สรุปเรียกชื่อดาวเคราะห์ที่ได้เกณฑ์จากดาวจันทร์(๒) ดังนี้
.
๑. มีดาวเคราะห์อยู่ในเรือนที่ ๒ จากดาวจันทร์(๒) เรียกว่า ศูนะยะโยค จะเป็นที่ประสบความสำเร็จในชีวิต สามารถสร้างตนเองทรัพยสินเงินทองด้วยตัวเอง มีความฉลาดในการใช้ชีวิต ทำให้เป็นมีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไป
.
๒.มีดาวเคราะห์อยู่ในเรือนที่ ๒ และ ๑๒ จากดาวจันทร์(๒) เรียกว่า ทุราทุระโยค จะเป็นคนที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการทั้งทรัพย์สินเงิน การงานที่ดี มีคนสนับสนุนส่งเสริมทั้งการเงินและการงาน มียานพาหนะที่ดี เป็นคนมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่น บุตรหลานจะเป็นคนดี ว่านอนสอนง่าย หากไม่มีดาวเคราะห์อยู่ในเรือนที่ ๒ และ ๑๒ จากดาวจันทร์(๒) เรียกว่า เกมะทรุมโยค จะทำให้เป็นขัดสนตลอดชีพ และจะทำให้โยคอื่น ๆ เป็นกลางไม่ให้คุณและไม่ให้โทษ
.
๓.มีดาวเคราะห์อยู่ในเรือนที่ ๑๒ จากดาวจันทร์(๒) เรียกว่า อานะยะโยค จะเป็นคนอำนาจวาสนา เป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของกิจการที่มีอำนาจในการบังคับบัญชา มีสง่าราศี มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีศีลธรรม พอใจทางกามารมณ์ ตอนบั้นปลายชีวิตจะเลื่อมใสในศาสนา อาจจะละความสุขทางโลก