ดาวที่เป็นเกษตร ประ หรือนิจ เล็งกัน จะส่งผลอย่างไรต่อดวงชาตา
ดาวที่เป็นเกษตร ประ หรือนิจ เล็งกัน จะส่งผลอย่างไรต่อดวงชาตา
๑. ดาวเป็นเกษตรเล็งกัน : กลายเป็น ประเกษตรทั้งคู่ กรณีดาว 2 ดวง มีคุณภาพเป็นเกษตร ด้วยกันทั้งคู่ แต่สถิตอยู่ ในราศีตรงข้ามกันหรือเล็งกัน กรณีนี้ดาวทั้งคู่ จะมีคุณภาพกลายเป็น “ประเกษตร” ด้วยกันทั้งคู่ แต่จะเป็นไป ตามลำดับขั้นตอน ตามนั้นจริงๆ คือจะต้องเป็นดาวดี คือเป็นเกษตรมาแต่ต้น เริ่มต้นด้วยความมั่นคงแข็งแรง ตามพื้นเพฐานะของตน ( คุณภาพ “เกษตร” ) ต่อมา จะเริ่มเสื่อมถอย และเสื่อมถอยอย่างช้าๆ จนเสื่อมถึงที่สุด ในบั้นปลายของชีวิต ( ตามคุณภาพของ “ประเกษตร” ) ซึ่งจุดเปลี่ยน จาก “เกษตร” กลายเป็น “ประเกษตร” จะอยู่ ตรงไหนนั้น ไม่มี ความชัดเจน แต่ก็มีข้อสังเกตว่า น่าจะเปลี่ยน ในช่วง ที่ดาวจรให้โทษ หลายๆดวงพร้อมกัน รวมทั้ง ดวงชาตาอ่อนแอ ประกอบด้วย
( เคยมี กรณีตัวอย่าง ดาวประจำตัว เข้มแข็ง ( เกษตรเล็งกัน ) เกิดมา สบายเป็นคุณหนู เรียนจนจบ ปริญญาตรี แล้วกลาย เป็นตรงข้าม ทุกอย่าง ในเวลาไม่กี่ปี เป็นคนเลว ออกจากงาน หย่าร้าง มัวเมา ชีวิตตกต่ำ )
ต้วอย่าง ดาวเป็นเกษตรเล็งกัน เช่น.- -ดาวอังคาร ( ๓ ) อยู่ราศี เมษ และดาวศุกร์ ( ๖ ) อยู่ราศี ตุล หรือดาวอาทิตย์ ( ๑ ) อยู่ราศีสิงห์ และดาวราหู ( ๘ ) หรือดาวเสาร์ ( ๗ ) อยู่ราศีกุมภ์ ฯลฯ กรณีเหล่านี้ คุณภาพดาว จะกลายเป็น ประเกษตร ด้วยกันทั้งคู่ แต่จะต้อง เป็นไป ตามลำดับ ขั้นตอน ที่กล่าวมาแล้ว ข้างต้น นอกจากนั้น จะต้องนำ เรื่องภพ มาพิจารณา ด้วยในลำดับ ถัดไป ซึ่งจะได้พูดถึง ในภายหลัง
๒. กรณี ดาวเป็นประเกษตร เล็งกัน .- กรณีดาว 2 ดวง มีคุณภาพ เป็นประเกษตร ด้วยกัน ทั้งคู่ แต่สถิตอยู่ในราศี ตรงข้ามกัน หรือเล็งกัน กรณีนี้ ดาวทั้งคู่ จะมีคุณภาพ กลายเป็น “เกษตร” ด้วยกันทั้งคู่ และจะเป็นไป ตามลำดับ ขั้นตอน เหมือนกรณี ดาวเป็นเกษตรเล็งกัน ข้างต้น คือจะต้อง เป็นดาวเสีย คือเป็น ประเกษตร มาแต่ต้น เริ่มต้น ด้วยความไม่มั่นคง ไม่เข้มแข็ง ตามพื้นเพ ฐานะของตน ( คุณภาพ “ประเกษตร” ) ต่อมา จะเริ่มดีขึ้น มั่นคง เข้มแข็งขึ้น อย่างช้าๆ จนถึงที่สุดในบั้นปลาย ของชีวิต จึงจะเข้มแข็ง มั่นคง สมบูรณ์สูงสุด ตามคุณภาพ ของ “เกษตร” ซึ่งจุดเปลี่ยน จาก “ประเกษตร” กลายเป็น “เกษตร” จะอยู่ ตรงไหน ไม่มีความชัดเจน แต่มี ข้อสังเกตว่า น่าจะเปลี่ยน ในช่วงที่ ดาวจรให้คุณ รวมทั้ง ดวงชาตา เข้มแข็ง ประกอบด้วย
– เช่น ดาวเสาร์ ( ๗ ) เป็นประเกษตร ในราศีสิงห์ เล็งกับ ดาวอาทิตย์ ( ๑ ) เป็นประเกษตร ในราศีกุมภ์ กลายเป็นเกษตร ทั้งคู่ ดังนั้น ดาวเสาร์ ( ๗ ) ในฐานะอัจฉริยภาพภายใน ของเจ้าชาตา ทำให้แต่เล็ก เป็นคนไม่คิดมาก ไม่ค่อยไตร่ตรอง รอบคอบ พอโตขึ้น ก็รู้จักไตร่ตรองรอบคอบขึ้นมาก จนบั้นปลาย ก็จะยิ่งรอบคอบมากที่สุด (๗) ในกรณีที่ถือเอาดาวเสาร์(๗) เป็นเกษตรที่ราศีกุมภ์ ร่วมกับดาวราหู)
ถ้าเจ้าชาตา ลัคนาอยู่ราศีกันย์ ดาวเสาร์ ( ๗ ) นี้จะอยู่ในภพวินาศ ดาวเสาร์ ( ๗ ) คือที่ดิน การทำสวน ก็แสดงว่า ในตอนแรก ไม่มีที่ดิน หรือมีที่ดินไม่สวยเลย หรือทำสวนไม่ได้ผลเลย ต่อมา ก็มีที่ดินมากขึ้น หรือปรับปรุงจนดีขึ้น จนสมบูรณ์ที่สุด หรือปรับปรุงพัฒนาสวน จนได้ผลดีสมบูรณ์แบบ ในบั้นปลาย ( ทำได้ดี แต่ไม่เด่นเท่าที่ควร เพราะกรณีนี้ ไม่สัมพันธ์ถึงลัคนา ไม่ถูกโฉลก )
แต่ในที่สุด ก็วินาศ คือหมดไป จากไป หลุดมือไป จะหมดไปแบบไหน ก็ต้องดูดาวประจำตัว ว่าเข้มแข็งหรือไม่
และดาวภพกฎุมพะดี เข้มแข็งหรือไม่ ถ้าดี ก็กลายเป็นทรัพย์สินอย่างอื่น ถ้าไม่ดี ก็อาจจะวินาศ หมดไปจริงๆ แต่ก็จะต้อง ได้รับผลตอบแทน ไม่เลวร้าย เหมือนตกเรือนมรณะ ที่ไม่ได้อะไร ตอบแทนเลย ( ถ้าลัคนาอยู่ราศีที่ดาวเสาร์นี้ สัมพันธ์ถึง ก็มีความหมายของภพ เข้ามาด้วยเท่านั้น )
– สำหรับดาวอาทิตย์ ( ๑ ) ก็มีลำดับขั้นตอน เช่นเดียวกัน เพียงแต่ความหมาย ในฐานะอัจฉริยภาพภายใน เป็นเรื่องของการไว้ตัว ถือตัว รักหน้า รักเกียรติ รักชื่อเสียง เท่านั้น ในฐานะปัจจัยภายนอก ไม่ค่อยชัดเจน เช่น.- ถ้าเป็นแร่ก็จะหมายถึงแร่ทองคำ เป็นต้น การตกเรือนอริ หรือเรือนอะไร ภพอะไร ก็ต้องนำความหมายของภพมาร่วมพิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายด้วยเช่นเดียวกัน
ดาวเจ้าเรือนการเงิน มากุมลัคนา แปลว่า เป็นคน เก็บเงินเก่ง รักษาทรัพย์ไว้ได้ เป็นอย่างดี แปลอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นคนขี้เหนียว การตีความ การพยากรณ์ จะต้องมีการขยายความ แยกแยะ และมีศิลปะในการพูด ตามสมควร
๓. กรณี ดาวเป็นอุจ กรณีดาว 2 ดวงมีคุณภาพเป็นอุจ ด้วยกันทั้งคู่ แต่สถิตอยู่ในราศีตรงข้ามกัน หรือเล็งกัน กรณีนี้ ดาวทั้งคู่ จะมีคุณภาพกลายเป็น “นิจ” ด้วยกันทั้งคู่ และจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอน เหมือนกรณีดาวเป็นเกษตร เล็งกันดังได้กล่าวแล้วในบทก่อน คือจะต้องเป็นดาวดี คือเป็นอุจมาแต่ต้น เริ่มต้นด้วยความมั่นคง เข้มแข็ง รุ่งโรจน์ ตามพื้นเพฐานะของตน ( คุณภาพ “อุจ” ) ต่อมาจะเริ่มเสื่อมถอย ด้อยต่ำ ไม่ได้รับการยอมรับ และจะเป็นเช่นนั้นไปตลอดชีวิต ซึ่งจุดเปลี่ยนจาก “อุจ” กลายเป็น “นิจ” จะอยู่ตรงไหน ไม่มีความชัดเจน แต่มีข้อสังเกตว่า น่าจะเปลี่ยนในช่วงที่ดาวจรให้โทษหลายๆดวงพร้อมกัน รวมทั้งดวงชาตาอ่อนแอประกอบด้วย แต่อุจให้คุณแรง ดังนั้นอุจเล็งกัน กลายเป็นนิจ ก็อาจจะรุนแรงกะทันหัน ชนิดล้มทั้งยืนก็มีมาแล้ว ชนิดล้มทั้งยืนก็มีมาแล้ว
– เช่น ดาวอาทิตย์ ( ๑ ) ในราศีเมษ เล็งกับดาวเสาร์ ( ๗ ) ในราศีตุล , ดาวพฤหัส ( ๕ ) ราศีกรกฎ เล็งกับดาวอังคาร ( ๓ ) ราศีมังกร ( มีตัวอย่างคนดังล้มทั้งยืน ด้วยวัยใกล้เกษียณ )
๔. กรณี ดาวเป็นนิจ .-
ดาวที่เป็นอุจ ดาวที่เป็นนิจ
กรณีดาว 2 ดวงมีคุณภาพเป็นนิจ ด้วยกันทั้งคู่ แต่สถิตอยู่ในราศีตรงข้ามกัน หรือเล็งกัน กรณีนี้ดาวทั้งคู่ จะมีคุณภาพกลายเป็น “อุจ” ด้วยกันทั้งคู่ กล่าวเสีย ตอนแรกแล้วมาดีตอนหลัง และจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอน เหมือนกรณีดาวเป็นประเกษตร เล็งกัน ดังได้กล่าวแล้วในบทก่อน คือจะต้องเป็น ดาวเสีย คือเป็นนิจ มาแต่ต้น เริ่มต้นด้วยความไม่มั่นคง ด้อยต่ำ ไม่ได้รับการยอมรับ ตามพื้นเพฐานะของตน ( คุณภาพ “นิจ” ) ต่อมาจะเริ่มมั่นคง เข้มแข็ง ได้รับการยอมรับ แบบรุ่งโรจน์ และจะเป็นเช่นนั้นไปตลอดชีวิต ซึ่งจุดเปลี่ยนจาก “นิจ” กลายเป็น “อุจ” จะอยู่ตรงไหน ไม่มีความชัดเจน แต่มีข้อสังเกตว่า น่าจะเปลี่ยนในช่วงที่ดาวจร ให้คุณ รวมทั้งดวงชาตาเข้มแข็ง ประกอบด้วย – เช่น ดาวอังคาร ( ๓ ) ในราศีกรกฎ เล็งกับดาวพฤหัส ( ๕ ) ในราศีมังกร
**กรณีอื่นๆนอกจากนี้ .- กล่าวคือ จะไม่มีผล ในการเปลี่ยนแปลง คุณภาพดาว เช่น.- เกษตรเล็งกับอุจ , อุจ เล็งมหาจักร นิจเล็งประเกษตร อุจจาวิลาสเล็งอุจจาวิลาส อุจจาวิลาสเล็งอุจจาภิมุข ฯลฯ แม้กระทั่ง คุณภาพดาว ที่บางตำราว่าเป็น “มหาจุล (จุลจักร)” แล้วจะแย่ เพราะเป็นดาวในราศีตรงข้าม “มหาจักร” ก็ไม่มีในสาระบบ
เพราะกฎลบ-ลบ กลายเป็นบวก ใช้ในกรณีเกษตร – ประ , อุจ – นิจ เท่านั้น ( ราศีตรงข้ามราชาโชค ยังให้คุณ ในฐานะคุณภาพ “เทวีโชค” ซึ่งให้คุณไม่น้อย )
กรณี ดาวดวงเดียว มีคุณภาพหลายอย่าง .- กรณีดาว 1 ดวง มีคุณภาพมากกว่า 1 อย่าง เช่น .- – ดาวพฤหัส ( ๕ ) ในราศีมิถุน มีคุณภาพเป็นทั้งอุจจาวิลาส และประเกษตร ในเวลาเดียวกัน ก็ย่อมแสดงผล หรือให้คุณให้โทษ ตามคุณภาพทั้งสองอย่างนั้น โดยไม่มีการหักล้าง หรือหักลบ หรือลดทอนกันไป ส่วนให้คุณ ก็คืออุจจาวิลาส ก็ย่อมให้คุณในด้านสติยั้งคิด คุณธรรม มองโลกในแง่ดี ( เชื่อคนง่าย ) ย่อมมีอยู่เสมอ อย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ในส่วนให้โทษ ก็คือประเกษตร ย่อมเสื่อมถอย อย่างช้าๆ ดังนั้นในด้านอัจฉริยภาพภายใน ของเจ้าชาตา ย่อมมีทั้ง 2 ด้านครบถ้วน คือปกติ จะมีคุณธรรมสูงส่ง มีสติยั้งคิดอยู่เสมอ แต่ก็เผลอหลุด เผลอทำชั่วได้ ( ขาดสติยั้งคิด + ราหูแรง ) และจากข้อมูลสถิติ กรณีนี้มีหลายคน เมื่อตอนวัยรุ่น วัยหนุ่ม มักเกเร ติดผู้หญิง ติดการพนัน ( ขาดสติ + ราหูแรง ) แต่พออายุมากขึ้น ก็หยุดได้หมด และยังหันมา ใฝ่ธรรมะเต็มตัว แต่จะเป็นแบบหลงดี หรือหลงธรรมะ ใฝ่ธรรมะแบบเกินปกติ อีกด้วย
– ดาวพุธ ( ๔ ) ในราศีสิงห์ มีคุณภาพเป็นทั้งอุจจาวิลาส , มหาจักร และราชาโชค รวม 3 อย่าง แต่เป็นด้าน ให้คุณ ทั้งสิ้น ก็แปลความหมายได้ ทั้ง 3 ความหมายคือ – แบบรุ่งโรจน์ อุดมสมบูรณ์ – ผาดโผนไม่ธรรมดา แบบลัดขั้นตอน และแบบได้มาโดยง่าย สบายๆ ดาวพุธ ( ๔ ) ตำแหน่งนี้ จึงให้คุณมาก ถ้ากุมลัคนา หรือเป็นดาวภพกฎุมพะ ก็จะเข้มแข็งมั่นคง ได้ถึง 3 รูปแบบ ให้คุณมากๆ – ดาวพุธ ( ๔ ) ในราศีมีน มีคุณภาพเป็นนิจ และประเกษตร เรียกได้ว่าเป็นดาวเสียถึง 2 แบบ ทำให้การพูดจา ไม่ถูกกาละ พูดไม่เข้าหูคน หรือละเอียด จนเกินเหตุ แต่ถ้ามีดาวคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล สัมพันธ์ถึงกัน ก็จะช่วยให้ไม่เสียหายมากนัก การพยากรณ์ จึงต้องพิจารณา พื้นฐานต่างๆ ที่กล่าวมา ให้ครบถ้วน โดยไม่ใช่ เป็นการท่องจำ เป็นเรื่องๆ กรณีๆ แบบนกแก้ว นกขุนทอง และจะไม่มีการ ใช้ข้อยกเว้นใดๆ มาเป็นข้อแก้ตัว กลับดีเป็นร้าย กลับร้ายเป็นดี โดยไม่มีสาเหตุ หรือหลักการ ที่แน่นอนเลย แม้จะกล่าวอ้าง โบราณว่าไว้ ครูอาจารย์ พูดไว้ ถ้าไม่มีข้อมูล หลักฐานสนับสนุน เพียงพอ ในที่นี้ จะไม่ขอเอ่ยถึง หรือจะไม่นำ มาใช้เลย ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกัน หลายๆเรื่อง เพราะจะถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน และเป็นเรื่อง ที่ต้องรอการพิสูจน์ ต่อๆไป