ดาวพฤหัส(๕) คู่ดาวเสาร์(๗) ดาวเสาร์(๗) คู่ดาวราหู(๘)

ดาวพฤหัส(๕) คู่ดาวเสาร์(๗) ดาวเสาร์(๗) คู่ดาวราหู(๘)

 “พฤหัสเสาร์เสาร์ราหูได้คู่ชิด มักผิดแผกพรากคู่ดูน่าขัน กลับเอาทาสชาติชู้ขึ้นชูชัน ถ้าอยู่สิงห์กุมภ์กันย์กักขลา” 

หาก “พระเคราะห์คู่ที่มีอยู่ดังกล่าวนี้ ตกที่ปัตนิวุ่นวายใหญ่ ตกสหัชชะกัมมะยิ่งเร้าใจ  ตลอดวัยทั้งสามตามเวลา เป็นนิจเป็นประเป็นกาลีว่าไม่ดี เป็นอุจจาวิลาสมูละดีหนักหนา ตกตนุพันธุและลาภา  เทพวิวาห์ให้ดีสุขีเอย” 

ในการวิเคราะห์ดวงชาตา   ตามระบบธาตุและเรือนชาตา โดยถือหลักที่ว่าเรือนชาตาเป็นตัวเรื่อง ดาวเจ้าเรือนเป็นตัวแสดงเรื่อง แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ

๑. การวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม

๒. การิวเคราะห์ดวงชาตาจร

ในคำอธิบาย จะมีทั้งให้คุณและให้โทษผสมกัน ตามระบบธาตุให้ วิเคราะห์ว่า  ดาวเจ้าเรือนดวงใดดวงหนึ่งเป็น ๑ เป็น ๔ เป็น ๗ จากลัคนา จากดาวเจ้าเรือนลัคนา หรือจากดาวจันทร์(๒) หรือไม่ หากดาวดวงน้้นได้องค์เกณฑ์ตามเรือนชาตา ให้พยากรณ์ว่าให้คุณแก่เจ้าชาตา  หากไม่ได้องค์เกณฑ์ตามเรือนชาตา ให้พยากรณ์ว่าไม่คุณแก่เจ้าชาตา การให้คุณหรือให้โทษแก่เจ้าชาตาในเรื่องใดก็ต้องตรวจสอบว่าดาวดวงนั้น ในดวงชาตาเดิมเป็นดาวเจ้าเรือนอะไร ก็จะให้คุณและให้โทษตามนั้น โดยถือหลักว่าเรือนชาตาเป็นตัวเรื่อง ดาวเจ้าเรือนชาตาเป็นตัวแสดงเรื่อง

  ในการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม  ตามคำกลอนนี้ มีดาวอยู่ ๒ คู่ คือ ดาวพฤหัส(๕)คู่กับดาวเสาร์(๗) และดาวเสาร์(๗) คู่กับดาวราหู(๘) อยู่ในภพปัตนิ ภพสหัชชะและกัมมะ นั้นไม่ดี แต่หากตกอยู่ในภพตนุ ภพพันธุ และภพลาภะ จะอยู่ดีมีสุขเหมือนเทวดาแต่งงานให้  

ในการวิเคราะห์ตามระบบธาตุและเรือนชาตาจะต้องวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า ดาวพฤหัส(๕) ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘) เป็นธาตุ ชั้นอะไรในธาตุ ๔ ชั้น หากเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร จะให้คุณแก่เจ้าชาตา  หากเป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษ แก่เจ้าชาตา หากเป็นธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง  หากได้มาตรฐานที่ดี จะเปลี่ยนจากธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง กลายเป็นธาตุ ชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณแก่เจ้าชาตา หากได้มาตรฐานที่ไม่ดี จะเปลี่ยนจากธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง กลายเป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ไม่ให้คุณแก่เจ้าชาตา

 ท่านอาจารย์บรรเทา จันทร์ศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า ดวงชาตาใตที่มีดาวพฤหัส(๕)และดาวเสาร์(๗) ร่วมราศีกัน และดาวพฤหัส(๕)หรือดาวเสาร์(๗)ดวงใดดวงหนึ่งเป็นเจ้าเรือนปัตนิ หรือกุมลัคนา หรืออยู่ในในราศีที่ ๗ ของลัคนา (เรือนปัตนิ) แล้ว ความสุขในเรื่องคู่ครองแทบจะไม่มีเลย ถึงแม้ว่าดาวพฤหัส(๕)กับดาวเสาร์(๗) หรือ ดาวพฤหัส(๕) หรือดาวราหู(๘) ดวงใดดวงหนึ่งเล็งลัคนา ก็ถือว่าแย่แล้ว ตัวอย่าง คนที่ดาวเสาร์เล็งลัคนา ก็มักจะมีคู่ที่มีอายุมากกว่าเป็นรอบ หรือต่ำกว่ากันเป็นรอบ หรือมีคู่ครองเป็นพ่อหม้าย แม่หม้าย และกว่าจะแต่งงานได้ ก็ต้องมีอายุเกินวัยรุ่น บางคนสามสิบหรือสี่สิบขึ้นไปจึงได้แต่งงาน และถึงแม้ว่า ดาวเสาร์(๗) ไม่ได้เล็งลัคนาในดวงชาตากำเนิด

 แต่ดาวเสาร์(๗) โคจรมาเล็งในระยะเวลา ๒ ปีครึ่ง ในกรณีที่ดาวเสาร์(๗) เป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู  ความสงบสุขในด้านการครองเรือนหรือชีวิตคู่แทบจะไม่มี    แต่ถ้าดาวเสาร์(๗) เป็นธาตุ ชั้น ๑ หรือเป็นธาตุ ชั้น ๒ ดาวเสาร์(๗) จะให้คุณแก่เจ้าชาตา ตามเรือนชาตา

.สำหรับคนที่ดาวพฤหัส(๕) เล็งลัคนา โดยทั่ว ๆ ไปก็น่าจะดี เป็นคนที่มีคู่ครองที่เป็นพ่อพระแม่พระ แต่ความจริงพบว่า ดวงชาตาคนที่มีดาวพฤหัส(๕) เล็งลัคนา ส่วนมากจะเป็นหม้ายก่อนวัยอันสมควร อาจเป็นเพราะว่าดาวพฤหัส(๕) เป็นดาวเหมือนกับเป็นนักบวช แต่มาครองเรือน ก็มักจะอยู่ได้ไม่นาน ก็อาจจะกลับไปเป็นนักบวชอีก ส่วนมากดวงชาตาที่ดาวพฤหัส(๕) เล็งลัคนา มักจะเป็นโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง จนไม่สามารถให้ความสุขทางกามารมณ์กับคู่ครองได้ และคนที่ดาวพฤหัส(๕) ไม่ได้เล็งลัคนาในดวงชาตาเดิม  หากดาวพฤหัส(๕) โคจรมาเล็งลัคนาในรอบ ๑ ปี  ก็ต้องพิจารณาว่าดาวพฤหัส(๕) เป็นธาตุ ชั้นอะไรในธาตุ ๔ ชั้น หากเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ธาตุ ชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ก็ให้คุณแก่เจ้าชาตา หากเป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษแก่เจ้าชาตา หากเป็นธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง ก็ตรวจสอบว่าดาวดวงนั้น ได้มาตรดีไหม หากได้มาตรฐานก็จะเปลี่ยนจากธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง กลายเป็นธาตุ ชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณแก่เจ้าชาตา หากไม่ได้มาตรฐานที่ดี ก็จะเปลี่ยนจากธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง กลายเป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ไม่ให้คุณแก่เจ้าชาตา

.สำหรับคนที่ดาวราหู(๘) ถึงลัคนา ในทางทับลัคนา เล็งลัคนา จะให้ผลต่างกัน หากราหู(๘) ทับลัคนา จะให้ผล ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์  แต่ถ้าเล็งลัคนา จะให้ผล ๗๕ เปอร์เซ็นต์ ช่วงเวลาที่ดาวราหูจรในแต่ละราศีจะใช้เวลา ๑ ปี ๖ เดือน โดยไม่มีการเดินถอยหลัง(พักร) ลักษณะพิเศษของดาวราหูผ๘) จะโคจรสวนทางกับดาวพระเคราะห์อื่น ๆ (คือโคจรตามเข็มนาฬิกา) ยกเว้น ดาวเกตุ(๙)  แต่ดาวเกตุ(๙) จะเดินเร็วกว่า ใช้เวลาผ่านราศีละ ๑ เดือน ครึ่ง ลักษณะของคนที่ดาวราหู(๘) ถึงลัคนา เจ้าชาตาจะเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นคนน่ารัก มีใบหน้าสวยงามคมคาย   ทำให้เพศตรงข้ามรู้สึกสนใจหรือนึกชอบ อยากสนิทสนมด้วย แต่เจ้าชาตาจะเป็นคนทันคนและรู้ทันเพศตรงข้าม  อุปนิสัยที่สำคัญของคนที่ดาวราหู(๘)ถึงลัคนา ส่วนมากจะเป็นคนค่อนข้างเจ้าอารมณ์ เปลี่ยนใจง่าย เอาใจยาก หากเป็นหญิง จะมีจิตใจคล้าย ๆ ชาย ประเภทใจถึง ทำความรู้จักได้ง่าย แต่จะเอาเปรียบเธอนั้น ยากกว่าที่คิด หากเป็นชายที่มีดาวราหูกุมลัคนา มักจะทำตัวแบบสนุกสนาน ท่าทางที่แสดงออกแบบเปิดเผย แต่ไม่สนิทกับใครง่าย ๆ ดาวราหู(๘) ที่กุมลัคนาสนิทคือมีองศาใกล้เคียงกันไม่เกิน ๓ องศา ทำให้ดาวราหู(๘) ร่วมลัคนาในดวงนวางค์จักรด้วย จะทำให้เจ้าชาตาได้รับอิทธิพลของดาวราหูเต็มร้อย ปกติคนที่ดาวราหู(๘) กุมลัคนา มักจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ไม่ชอบเอาใจใคร แต่ชอบให้คนอื่นมาเอาใจตน จะมีอุปนิสัยแบบคนคนเจ้าเล่ห์ แบบสุขุมนุ่มลึก การแสดงออกตามลักษณะภายนอกเป็นแบบนักเลง เป็นคนเปิดเผย แต่ส่วนลึกของจิตใจจะเป็นคนระมัดระวังตัว หวาดระแวง จะเป็นที่คนอื่นเข้าถึงได้ง่าย แต่เข้าถึงแบบคนสนิทได้ยาก หมายความว่า คนที่ดาวราหู(๘)ทับลัคนา จะเป็นคนมีเสน่ห์ที่เพศตรงข้ามอยากใกล้ชิด ถ้าเป็นคนสวยก็สวยที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงไหล เป็นคนสวยที่เพศตรงข้ามอยากใกล้ชิด แต่การที่จะเข้าถึงตัวหรือสนิทด้วยยาก เพราะ คนที่ดาวราหูทับลัคนาจะเป็นคนที่รู้ทันคนอื่นได้รวดเร็ว มีไหวพริบ จึงทำให้เป็นคนที่ระมัดระวังตัว เพศตรงข้ามถึงเข้าถึงตัวได้ยาก นอกจากเจ้าตัวพอใจเท่านั้น ถึงจะเข้าถึงตัวได้ อีกประการหนึ่ง คนที่ดาวราหู(๘) กุมลัคนา จะเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว แต่มักจะแสดงตัวว่าเป็นคนใจกว้าง แต่ใจกว้างไม่จริง  อีกประการหนึ่งคนที่ดาวราหู(๘) กุมลัคนามักจะมีพรสวรรค์ทางด้านการพนัน มีพรสวรรค์ในเรื่องการเสี่ยงโชค แต่ถ้าหากดาวราหู(๘) ตกในตำแหน่งทุสนะภพ(อริ มรณะ วินาสน์) มักจะไม่มีโชคทางด้านการเสี่ยง ถ้าเล่นการพนันก็จะเสียมากกว่าได้

.ดาวราหู(๘) อยู่ในภพปัตนิหรือเล็งลัคนา จะมีผลต่อดวงชาตาร้อยละ 75​ จะทำให้เจ้าชาตาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เป็นคนที่คนอื่นเอาใจยาก เปลี่ยนใจง่าย หากใครได้คบกันสนิทแล้วจะรู้สึกว่าเป็นคนที่น่าเบื่อ ยิ่งมาอยู่ในภพปัตนิ ก็มักจะมีปัญหาขัดแย้งกับคนรัก/คู่ครองได้ง่าย จะเป็นคนมีอุปนิสัยเอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก เป็นคนเจ้าแง่แสนงอน มักจะมีความขัดแย้งกับคนรัก/คู่ครองได้ง่าย  หรือคู่ครองอาจจะไปมีภรรยาน้อย หรือเจ้าชาตาเองอาจจะเป็นภรรยาน้อยก็ได้

.ในกรณีดาวราหู(๘)เป็นดาวจรได้โคจรมาสถิตในภพปัตนิหรือเล็งลัคนา หรือดาวราหูโคจรทับเจ้าเรือนปัตนิในระยะใด  ต้องตรวจสอบคุณภาพของดาวราหู(๘) ว่าเป็นธาตุชั้นอะไร หากเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ให้คุณแก่เจ้าชาตามาก ธาตุชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณแก่เจ้าชาตา ธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษแก่เจ้าชาตา 

คำทำนายนี้ จะมี ๒ ส่วน คือให้คุณและให้โทษขึ้นอยู่การ พิจารณาว่าดาวราหู(๘) ให้คุณหรือให้โทษ  ดาวราหู(๘) เป็นดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง หากดาวราหู(๘) จรเป็นธาตุ ช้น ๑ อสีติธาตุ ให้คุณแก่เจ้าชาตามาก ธาตุชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณแก่เจ้าชาตา ธาตุชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษแก่เจ้าชาตา

ในเวลาที่ดาวราหู(๘) เล็งลัคนา ก็ต้องวิเคราะห์ก่อนว่าดาวราหู(๘) เป็นธาตุ ชั้นอะไร หากเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ หรือเป็นธาตุชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ดาวราหู(๘) ก็จะให้คุณแก่เจ้าชาตา หากดาวราหู(๘) เป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ก็ให้โทษแก่เจ้าชาตา 

 หากดาวราหู(๘) ให้คุณระยะนั้นเป็นระยะที่คนโสดจะมีคู่  หากดาวราหู(๘) ให้โทษคนที่มีคู่อยู่แล้วมีโอกาสที่จะเลิกร้างหรือต้องแยกกันอยู่ชั่วคราว   ดาวราหู(๘) เป็นดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ไม่ว่าราหูโคจรไปสถิตในภพใด ๆ ภพนั้น ๆ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาทันที หากทับตนุลัคน์หรือดาวเจ้าเรือนตนุลัคน์ เจ้าชาตาก็จะมีจิตใจและความต้องการต่าง ๆ  เปลี่ยนไป เจ้าชาตาจะเกิดความเบื่อหน่ายในต่อชีวิตในปัจจุบัน ต้องการแสวงหาสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ กล่าวคือ สำหรับคนที่มีคู่แล้ว ก็เบื่อหน่ายในชีวิตคู่ อยากเลิกหรืออยากเปลี่ยนแปลงเอาคนใหม่ ส่วนที่ยังไม่มีคู่ก็จะเบื่อที่อยู่เป็นโสดหรือเบื่อที่จะอยู่คนเดียว ต้องการจะมีคู่ หากมีเพศตรงกันข้ามเข้ามาในช่วงนี้ วิถีชีวิตก็เปลี่ยนแปลงจากคนโสดเป็นคนมีคู่  หรือหากดาวราหู(๘) โคจรเข้าภพดุมภะ(การเงิน) หรือเจ้าเรือนการเงิน หลักฐานทางด้านการเงินและทรัพย์สินเงินทอง จะมีการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นคนรวยขึ้นหรือจนลง  หากดาวราหูโคจรเข้าภพพันธุ หรือโคจรไปเล็งหรือทับดาวเจ้าเรือนพันธุ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องบ้านที่ดิน รถยนต์ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านอำนาจหน้าทึ่ความรับผิดชอบ  หากดาวราหู(๘)โคจรไปสถิคภพมรณะ เจ้าชาตามักจะเป็นคนจิตใจอ่อนไหว  เชื่อคนอื่นง่าย หากมีใครมาขอความช่วยเหลือ ก็จะช่วยจนตัวเองเดือดร้อน  หากดาวราหู(๘) โคจรไปสถิตภพศุภะ  เจ้าชาตาจะมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย เปลี่ยนแปลงสังคมชีวิตใหม่จากคนที่ไม่มีเกียรติหรือศักดิ์ศรีหรือไม่มีเครดิตทางการค้าหรือความเชื่อถือของสังคมชั้นสูง ก็จะกลายเป็นคนมีเครดิตทางการค้า  เป็นที่นับหน้าถือตาของคนส่วนรวม หรือเปลี่ยนแปลงในทางตรงกันข้าม โดยเฉพาะผู้หญิงหากดาวราหูโคจรมาสถิตในภพศุภะจากลัคนาหรือจากเรือนลัคนา จะต้องระวังในเรื่องวิถีชีวิตจะมีการเปลี่ยนแปลง อาจจะต้อง โยคย้ายที่อยู่อาศัย หรือได้ที่อยู่อาศัยใหม่ จากราชาเป็นยาจกหรือจากยาจกกลายเป็นเศรษฐี  หากดาวราหู(๘) ในดวงชาตาเดิมสถิตภพกัมมะ เจ้าชาตาชอบเปลี่ยนแปลงอาชีพบ่อย ๆ หากดาวราหูโคจรมาสถิตในภพกัมมะ(การงาน) เจ้าชาตาจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการงานค่อนข้างแน่นอน  หากดาวราหู(๘) โคจรมาสถิตอยู่ในภพลาภะ เจ้าชาตาจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่อรายได้ การมีโชคลาภ หากดาวราหู(๘) โคจรมาสถิตภพวินาสน์  เจ้าชาตามักจะเป็นคนเห็นใจอื่น  เห็นใครตกทุกข์ได้ยากเป็นไม่ได้ หรือใครขอร้องให้ช่วยเหลืออะไรมักจะไม่ขัดข้อง  ช่วยเหลือเขาร่ำไป ผลสุดท้าย เจ้าชาตาจะเดือดร้อนเอง

#ติดต่อสอบถามเรื่องสมัครเรียนหรือตรวจสอบดวงชาตาให้      อินบ๊อก : m.me/arjarnthi 

Read more

ดาวเสาร์(๗) เล็งลัคนา ให้โทษแก่เจ้าชาตาจริงหรือ

ดาวเสาร์(๗) เล็งลัคนา ให้โทษแก่เจ้าชาตาจริงหรือ

ดาวเสาร์(๗)   เล็งลัคน์ ให้โทษแก่เจ้าชาตาจริงหรือ จากโคลงดาวที่ได้ตำแหน่งเป็นพินทุบาทว์ว่า “ เสาร์เพ่งเล็งลัคน์แล้ว  อสุรา ภุมเมนท์อัษฎา   ว่าไว้ จันทร์เป็นสิบเอ็ดแก่รา-  หูเล่า อาภัพอัปภาคย์ให้  โทษแท้ประเหิ

ดาวมฤตยู(๐) ดาวเนพจูน(น) และดาวพลูโต(พ)มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ดาวมฤตยู(๐) ดาวเนพจูน(น) และดาวพลูโต(พ)มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ปัจจุบันนี้ โลกเราเต็มไปด้วยความเลวร้ายและภัยพิบัติต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษยชาติ ธรรมชาติ สังคม ขนมธรรมเนียมประเพณี อาชญากรรมนานาชนิด เหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้ เริ่มเกิดรุ่นแรงขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นต้นมา นักโหราศาสตร์ตะวันตกได้พยายามค้นหาสาเหตุเหล่านี

เคล็ดลับเกี่ยวกับฆาตขัย

เคล็ดลับเกี่ยวกับฆาตขัย

คำว่าฆาต แปลว่า การฆ่า, การทำลาย. ขัย แปลว่า อายุ ท่านอาจารย์บรรเทา  จันทร์ศร(อุตรภัทร์) ท่านได้รวบรวมเกี่ยวกับเคล็ดลับเกี่ยวกับฆาติขัย ถือว่าเป็นเพชรเม็ดเอกของโหราศาสตร์ไทย โดยท่านได้กล่าวไว้ว่า ท่านโบราณจารย์ได้ประพันธ์เป็

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวเสาร์(๗)

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวเสาร์(๗)

ในการพยากรณ์ดวงชาตาตามหลักโหราศาสตร์ไทย จะมีดาวนพเคราะห์จำนวน ๑๐ ดวง โดยแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือดาวศุภะเคราะห์ มีดาวจันทร์(๒) ดาวพุธ(๔) ดาวศุกร์(๖) ดาวพฤหัส(๕)  ดาวบาปเคราะห์ มีดาวอาทิตย์(๑) ดาวอังคาร(๓) ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘) ดาวที่เป็นได้ทั้งศุภะเคราะห์และบาปเคราะห์ มีดาวเกตุ(๙) และดาวมฤตยู(๐)  จะเห็นได้ว่าดาวพระเสาร์(๗) เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้