ดาวมฤตยู(๐) ดาวเนพจูน(น) และดาวพลูโต(พ)มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ดาวมฤตยู(๐) ดาวเนพจูน(น) และดาวพลูโต(พ)มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ปัจจุบันนี้ โลกเราเต็มไปด้วยความเลวร้ายและภัยพิบัติต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษยชาติ ธรรมชาติ สังคม ขนมธรรมเนียมประเพณี อาชญากรรมนานาชนิด เหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้ เริ่มเกิดรุ่นแรงขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นต้นมา นักโหราศาสตร์ตะวันตกได้พยายามค้นหาสาเหตุเหล่านี้ ว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ปรากฎว่า ในปลายศตวรรษที่ ๑๙ และต้นศตวรรษที่ ๒๐ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบดาว ๓ ดวง คือดาวมฤตยู(๐) ดาวเนปจูน(น.)และดาวพลูโต ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตะวันตกได้นำความรู้เกี่ยวกับดาว ๓ ดวงนี้ มาทำการวิจัย พบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องก้บชีวิตมนุษย์ ธรรมชาติ สังคม โรคภัย อาชญากรรมนานาชนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟริตท์ บรุนฮุบเนอร์ เป็นนักโหราศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้เขียนบทความเกี่ยวกับดาว ๓ ดวงนี้

#จากหนังสือ Pluto by Fritz Brunhubner ซึ่งจัดพิมพ์โดย National Astrological Library,USA,in 1934 ฟริตท์ บรุนฮุบเนอร์ เป็นนักโหราศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้เขียนบทความนี้ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1934 ท่านอาจารย์ซิเซโร ได้นำบทความของท่านมาถ่ายทอดในหนังสือ มฤตยู เนพจูน พลูโต พอสรุปได้ใจความที่สำคัญดังต่อไปนี้
. ดาวมฤตยู(๐) ดาวเนปจูน(น.)และดาวพลูโต(พ.) เป็นดาวเคราะห์ที่ก่อให้เกิดพลังงาน ส่วนใหญ่แสดงออกเป็นพฤติกรรมและความคิดความอ่านที่เกิดภายในจิตใจ

#ดาวมฤตยู(๐) ดาวเนปจูน(น) และดาวพลูโต(พ) เป็นดาวในระบบสุริยะจักรวาล ซึ่งนักโหราศาสตร์ได้ศึกษาค้นคว้า วิถีโคจรของดาวทั้ง ๓ ดวง อย่างละเอียด พบว่า ดาวทั้ง ๓ ดวงนี้ได้ชื่อว่า “เป็นเทพเจ้าแห่งความวิบัติและการทำลายล้าง” ปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เลวร้ายบนโลกนี้ เช่น การนองเลือด อุบัติภัยที่ร้ายแรง การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และระบบการปกครอง เป็นผลมาจากอิทธิพลของดาวมฤตยู(๐) ดาวเนปจูน(น) และดาวพลูโต(พ) แทบทั้งสิ้น
.
#คำว่า พลูโต เป็นภาษาละติน หมายถึงคนร่ำรวย พลูโต เป็นเทพเจ้า Zeus เทพเจ้าเหนือความตาย ผู้ปกครองอยู่เหนือสิ่งที่มองไม่เห็น เทพเจ้าพลูโตจะเป็นผู้นำความตายและการทำลายล้างมาให้แก่สิ่งที่มีชีวิต
.
#การค้นพบดาวมฤตยู(๐) ทำให้โลกรู้จักธาตุเรเนียม การค้นพบดาวเนพจูนและดาวพลูโต ทำให้โลกรู้จักธาตุใหม่ ๒ ธาตุ คือ ธาตุเนพจูเนียมและพลูโตเนียม
.
ดาวมฤตยู(๐) และดาวเนพจูน(น) เป็นดาวที่เป็นผู้บุกเบิก เพื่อค้นพบดาวพลูโต (พ) ซึ่งเป็นดวกลุ่มนอกดาวเสาร์(๗)
.
#ดาวมฤตยู(๐) ทำหน้าที่ในการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการปฏิวัติในการคิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับสสาร เช่นไฟฟ้า วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ เครืองยนต์กลไก เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างวัตถุและวิญญาณ
.
#อิทธิพลของดาวมฤตยู(๐) ได้ทำหน้าที่ให้เกิดโลกยุคสมัยใหม่ ดาวเนพจูน เป็นดาวที่ทำให้เกิดความสับสนและความระส่ำระส่ายให้เกิดขึ้นกับมวลมนุษยชาติ ดาวพลูโต(พ) เป็นดาวแห่งการต่อสู้ ต่อสู้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ดาวพลูโต เป็นเส้นแบ่งระหว่างเหตุการณ์ ๒ ยุค คือ การล่มสลายของยุคเก่าและการเกิดขึ้นของยุคใหม่ ดาวพลูโต(พ) เป็นตัวสร้างความปั่นป่วนของสถานการณ์โลกจากหน้ามือเป็นหลังมือ อิทธิพลของดาวพลูโต(พ) จะเต็มไปด้วยความโหดร้ายและรุนแรง
.
#ดาวมฤตยู(๐) เป็นดาวที่ปลุกให้โลกตื่นขึ้น เนพจูน(น) เป็นผู้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ส่งต่อให้ดาวพลูโต(พ) ดาวพลูโต(พ)จะรับภาระในการเป็นทูตและผู้ถือสารแห่งโลกยุคใหม่ ทำหน้าที่ในการสร้างสรรค์โลกยุคใหม่ให้ประสบความสำเร็จ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดถอนรากถอนโคน เช่น การนำความร้อนจากพลังแสงอาทิตย์(๑)มาใช้ประโยชน์ เช่น ระบบโซลาเซลล์ นำความร้อนจากภายใต้พื้นโลกมาใช้ นำการเคลื่อนไหวของน้ำในมหาสมุทรมาใช้ (ดีถีขึ้นแรม) นำพลังงานจากภูเขาไฟมาใช้ประโยชน์ การเพาะปลูกพืชโดยวิธีการใหม่ ๆ และทฤษฎีใหม่ ๆ
.
#กล่าวโดยสรุป ดาวมฤตยู(๐) มีอำนาจในการบงการ ก่อให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้น เครื่องยนต์กลไก นวัตกรรมใหม่ ๆ ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ดาวเนพจูน(น) มีอำนาจบงการก่อให้เกิดของเหลว เช่นน้ำมัน และมายาการทุกชนิดที่ไม่มีรูปร่างแต่สามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก (Sixsense) ดาวพลูโต(พ) มีอำนาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง และพลังงานอะตอมมิคในทางวิชาเคมี พลูโต หมายถึุง เคมีนิวเคลียร์ (Nucleur Chemistry)
.
#นักโหราศาสตร์ยุคใหม่ได้อธิบายอิทธิพลของดาวแต่ละดวงออกไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ดังนี้
ดาวอาทิตย์(๑) ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิต
ดาวเสาร์(๗) ทำให้เกิดรูปร่าง (Form)
ดาวอังคาร(๓) ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว (Movement)
ดาวพฤหัส(๕) ทำให้เกิดการเติบโต (Growth)
ดาวพุธ(๔) ทำให้เกิดความคิดและการใช้ความคิด (Intelligence)
ดาวศุกร์(๖) ทำใหัเกิดความรู้สึก (Feeling)
ดาวจันทร์(๒) ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และการขยายเผ่าพันธ์ (Reproduction)
ดาวมฤตยู(๐) ทำให้เกิดการนำความรู้ทางญาณปัญญา(Wisdom)จากประสบการณ์เก่า ๆ มาใช้ให้เป็นประโยชน์
ดาวเนพจูน(น) ทำใหัเกิดสมรรถนะที่ใช้ความรู้สึก รับเอาสิ่งที่สัมผัสได้ทางความรู้สึก กล่าวคือสามารถทำสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นไดั้ ไม่มีตัวตนให้กลายมาเป็นความจริงไดั
ดาวเนพจูน(น) หมายถึงตัวแทนประชาธิปไตยยุคใหม่ (New Democracy) ประโยชน์ ของมวลชน องค์การสาธารณะ ประกอบกับดาวเนตจูน เป็นวิญญาณธาตุ จะเกี่ยวข้องกับการทรงเจ้า เข้าผี ภาพยนต์ โทรทัศน์ ทิพยจักขุ วิปัสสนา รวมทั้งธุรกิจสีเทา นักจิตวิทยา นักเคมี นักสงคมสงเคราะห์
ดาวเนพจูน หากส่งกำลังถึงดาวศุกร์(๖) จะบันดาลให้เกิดความรักแบบหลุมหลงทางด้านกามารมณ์ อาจฆ่าตัวตายได้ง่าย หากส่งกำลังถึงดาวการเงิน จะทำให้เจ้าชาตาเป็นคนหาเงินเก่ง ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรดีหรือชั่ว ขอให้ได้เงิน หากดาวดวงนี้ ส่งกำลังถึงดาวเจ้าเรือนการงาน จะทำให้เป็นคนที่เด่นด้านการงาน หากเป็นนักการเมือง ก็จะเป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่
ดาวเนพจูน จะครอบคลุมไปถึงเกี่ยวกับสังคม การคมนาคมทางน้ำ อุตสาหกรรมเคมี พลังงานไฟฟ้าที่อาศัยพลังน้ำและโซลาเซลล์ หากดาวเนพจูนอยู่ในตำแหน่งที่เสีย จะเกิดผลเสียแก่สังคม เช่น การทุจริตผิดกฏหมาย การหลบหนีภาษี การค้าของเถื่อน กิจกรรมเกี่ยวสุรายาเสพติด รวมทั้่งการจารกรรมในรูปแบบใหม่
ดาวเนพจูน(น) นักโหราศาสตร์ตะวันตกได้กล่าวว่า ดาวเนพจูน มีคุณภาพเหมือนดาวศุกร์(๖) แต่เป็นระดับคลื่นที่สูงกว่าดาวศุกร์(๖) เป็น Higher Octave Venus
จะมีความหมายถึง ความงาม ความรัก ความรู้สึกทางเพศ ความอิจฉาริษยา ศิลปะและสุนทรียภาพทางด้านความรู้สึก สัมผัสทางด้านรูป รส กลิ่น เสียง และสีสรรทางด้านกายภาพ
ด้านความรัก ตามหลักโหราศาสตร์ไทย ความรักในความหมายของดาวศุกร์ หมายถึงความรักที่สามารถสัมผัสได้ สามารถสนองความต้องการของร่างกายได้ ความรักเกี่ยวกับกิเลสตัณหา แต่ความรักของดาวเนปจูน เป็นความรักเกี่ยวกับอุดมการณ์ อุดมคติ เป็นความรักแบบจินตนาการ เป็นความสุขทางใจมากกว่าทางกาย
ภาพยนต์ที่เราเห็นจากจอภาพยนต์หรือจากโทรทัศน์ เป็นของจริง แต่ไม่ใช่ตัวจริง เป็นเพียงเงา เป็นสิ่งลวงตา สามารถมองเห็นได้ เข้าใจได้ แต่ไม่สามารสัมผัสได้
เหมือนกับเปลวแดด ภาพยนต์ เราสามารถมองเห็นได้ แต่ไม่สามารถแตะต้องได้ พยับแดด ภาพยนต์ ที่เรามองเห็น คือความหมายของดาวเนปจูน
สรุป ดาวเนปจูน จะมีความหมายดังนี้
๑. เกินความจริงจากทั่ว ๆ ไป เช่น ด้านความรักก็เป็นความรักที่เกินธรรมดา กลายเป็นหึงหวง หลงไหล เกี่ยวกับโรคภัย เป็นโรคภัยที่ให้ผลร้ายมากกว่าปกติ จนยากที่จะรักษาให้หายได้
๒.มากกว่าธรรมดา หมายถึง จะมีคนจำนวนมากกว่าปกติ ด้านด้านเงิน เงินจะเฟ้อ ด้านน้ำ หมายถึงน้ำที่ท่วม
๓.เป็นภาพมายา จับต้องไม่ได้ ภาพลวง เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การโปรประกันดา เป็นวิธีการโน้มน้าวจิตใจคนให้หลงไปตาม เป็นการ Motivate

ดาวเนปจูน(น.) เป็นดาวเคราะห์ที่มีอิทธิพลเหนือภาวะสัญชาตญาณของมนุษย์ จึงเป็นเหตุให้มนุษย์จะมีความโน้มเอียงไปทางที่จะถูกหลอกลวงได้ง่าย

#ดาวพลูโต(พ) ทำให้เกิดการเปลี่ยแปลงพลังงานทุกชนิด
ธรรมชาติของดาวพลูโต จะมี ๔ ประการ คือ
๑.การทำลายล้าง
๒.การแปรสภาพจากสิ่งหนึ่งเป็นอีกสี่งหนึ่ง
๓.การผลิตนวัตกรรมใหม่จากสิ่งที่มีอยู่เดิม
๔. การกระทำที่เป็นโครงการระยะยาว
#ศตวรรษที่ผ่านมาเป็นศตวรรษของดาวมฤตยู(๐)และดาวเนพจูน(น) เป็นศตวรรษแห่งภูมิปัญญาและการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงด้านภูมิปัญญาที่หลากหลายโดยอิทธิพลธิพลของดาวมฤตยู(๐)
#แต่จากนี้ต่อไปจะเป็นศตวรรษแห่งดาวพลูโต(พ) จะเป็นโลกยุคเทคโนโลยี เป็นโลคยุคใหม่ที่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ พฤติกรรมทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ในสังคมมนุษย์ยุคนี้จะเปลี่ยนโฉมหน้าออกไปย่างเหลือคณานับ โฉมหน้าของมนุษยชาติจะเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงทั้งด้านวัตถุและจิตใจ ภายใต้อิทธพลของดาวพลูโต(พ) โลกจะวิปริตแปรผันไป โรคภัยไข้เจ็บจะแปลกประหลาดพิสดารกว่าเดิม ความลึกลับมหัศจรรย์ทางจิตวิญญาณ ปัญหาทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมืองจะเปลี่ยนแปลงรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ดาวพลูโตเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเหตุการณ์สองเหตุการณ์คือ (1) การล่มสลายของยุคเก่า (2) การเกิดขึ้นของยุคใหม่ เป็นตัวสร้างความปั่นป่วนที่ทำให้เกิดสถานการณ์แบบหน้ามือเป็นหลังมือในเหตุการณ์ของเมืองไทยและของโลก
“ดาวพลูโตกำลังจะเป็นผู้วางรูปโฉมหน้าใหม่ให้แก่มวลมนุษยชาติ จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในด้านวัฒนธรรม (Culture) พลูโตจะเป็นผู้ลงมือช่วยมวลมนุษย์ในการต่อสู้รณรงค์กับอำนาจของธรรมชาติ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น มนุษย์ไม่เคยรู้และไม่พบเห็นเห็นมาก่อน

Read more

ดาวเสาร์(๗) เล็งลัคนา ให้โทษแก่เจ้าชาตาจริงหรือ

ดาวเสาร์(๗) เล็งลัคนา ให้โทษแก่เจ้าชาตาจริงหรือ

ดาวเสาร์(๗)   เล็งลัคน์ ให้โทษแก่เจ้าชาตาจริงหรือ จากโคลงดาวที่ได้ตำแหน่งเป็นพินทุบาทว์ว่า “ เสาร์เพ่งเล็งลัคน์แล้ว  อสุรา ภุมเมนท์อัษฎา   ว่าไว้ จันทร์เป็นสิบเอ็ดแก่รา-  หูเล่า อาภัพอัปภาคย์ให้  โทษแท้ประเหิ

เคล็ดลับเกี่ยวกับฆาตขัย

เคล็ดลับเกี่ยวกับฆาตขัย

คำว่าฆาต แปลว่า การฆ่า, การทำลาย. ขัย แปลว่า อายุ ท่านอาจารย์บรรเทา  จันทร์ศร(อุตรภัทร์) ท่านได้รวบรวมเกี่ยวกับเคล็ดลับเกี่ยวกับฆาติขัย ถือว่าเป็นเพชรเม็ดเอกของโหราศาสตร์ไทย โดยท่านได้กล่าวไว้ว่า ท่านโบราณจารย์ได้ประพันธ์เป็

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวเสาร์(๗)

เคล็ดลับเกี่ยวกับดาวเสาร์(๗)

ในการพยากรณ์ดวงชาตาตามหลักโหราศาสตร์ไทย จะมีดาวนพเคราะห์จำนวน ๑๐ ดวง โดยแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือดาวศุภะเคราะห์ มีดาวจันทร์(๒) ดาวพุธ(๔) ดาวศุกร์(๖) ดาวพฤหัส(๕)  ดาวบาปเคราะห์ มีดาวอาทิตย์(๑) ดาวอังคาร(๓) ดาวเสาร์(๗) ดาวราหู(๘) ดาวที่เป็นได้ทั้งศุภะเคราะห์และบาปเคราะห์ มีดาวเกตุ(๙) และดาวมฤตยู(๐)  จะเห็นได้ว่าดาวพระเสาร์(๗) เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้

ดาวที่คุ้มโทษได้ มีดาวอะไรบ้าง

ดาวที่คุ้มโทษได้ มีดาวอะไรบ้าง

ในราศีทั้ง ๑๒ ราศี  จะแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ ๑. ปัศวะราศี  ประเภทสัตว์บก ๔ เท้า มีราศีเมษ ราศีพฤษภ และราศีสิงห์  ๒. นระราศี ประเภทมนุษย์ มีราศีเมถุน ราศีกันย์ ราศีตุลย์ ราศีธนู และราศีกุมภ์  ๓. อัมพุราศี  ประเภทสัตว์น้ำมี