ดาวเสาร์(๗) เล็งลัคนา ให้โทษแก่เจ้าชาตาจริงหรือ
ดาวเสาร์(๗) เล็งลัคน์ ให้โทษแก่เจ้าชาตาจริงหรือ
จากโคลงดาวที่ได้ตำแหน่งเป็นพินทุบาทว์ว่า “
เสาร์เพ่งเล็งลัคน์แล้ว อสุรา
ภุมเมนท์อัษฎา ว่าไว้
จันทร์เป็นสิบเอ็ดแก่รา- หูเล่า
อาภัพอัปภาคย์ให้ โทษแท้ประเหินหิน”
บาทที่ ๑ ดาวเสาร์(๗) หรือดาวราหู(๘) เล็งลัคน์
บาทที่ ๒ ดาวอังคาร(๓) เป็น ๘ แก่ลัคน์
บาทที่ ๓ ดาวจันทร์(๒) เป็น ๑๑ แก่ดาวราหู(๘) เรียกว่าราหูล่าจันทร์
จากโคลงบาทแรกที่ว่า “ เสาร์เพ่งเล็งลัคน์แล้ว อสุรา อาภัพอัปภานคย์ให้ โทษแท้ประเหินหิน” ความหมายก็คือ หากในดวงชาตามีดาวเสาร์หรือดาวราหู(๘)เล็งลัคนา เป็น ๗ กับลัคนา ดวงชาตาคนนั้นจะอาภัพอัปภาคย์ให้โทษแท้ประเหิรหิน
ภพที่ ๗ ภพปัตนิ หมายถึง คู่ครอง คนรัก คู่สัญญา คู่ความในคดีแพ่ง คู่แข่งขัน ห้างร้านที่เป็นคู่แข่งขันกับห้าง ร้านของเจ้าชะตา เพศตรงข้าม ศัตรูเปิดเผย
ดาวเสาร์(๗) มีคำนิยามว่า “โทษทุกข์ทายเสาร์(๗)” ดังนั้น เมื่อดาวเสาร์(๗) เล็งลัคนา ก็จะมีเกิดโทษทุกข์ในเรื่องคู่ครอง คนรัก คู่สัญญา และเพศตรงกันข้าม
ในการวิเคราะห์ว่า ดาวเสาร์(๗) ให้โทษหรือให้คุณตามระบบธาตุและเรือนชาตา แบ่งเป็น ๒ ระยะ
ระยะแรก คือการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม
ระยะที่สอง คือการวิเคราะห์ดาวจร
ระยะแรก คือการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม ตามระบบธาตุจะต้องวิเคราะห์ว่า ดาวเสาร์(๗) กับดาวราหู(๘) เป็นดาวเจ้าเรือนอะไร เป็นธาตุอะไร ในธาตุ ๔ ชั้น โดยการนำธาตุตามระบบทักษามาเปรียบเทียบกับธาตุในดวงจักรราศี หากเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ให้คุณแก่เจ้าชาตามาก ธาตุชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณแก่เจ้าชาตารองจากธาตุ ชั้น๑ ธาตุชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง ธาตุชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษแก่เจ้าชาตา การให้คุณหรือการให้โทษถือหลักว่าเรือนชาตาเป็นตัวเรื่อง ดาวเจ้าเรือนชาตาเป็นตัวแสดงเรื่อง ฉะนั้น ในการพยากรณ์ต้องตรวจสอบในดวงชาตาเดิม ดาวเสาร์(๗) เป็นดาวเจ้าเรือนอะไร มาทับลัคนาหรือเล็งลัคนา เป็นธาตุ ชั้น อะไรในธาตุ ๔ ชั้น หากเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ให้คุณแก่เจ้าชาตามาก ธาตุชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณแก่เจ้าชาตารองจากธาตุ ชั้น๑ หากเป็นธาตุชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษแก่เจ้าชาตา จากดวงตัวอย่าง ดาวเสาร์(๗) ในดวงชาตาเดิมเป็นดาวเจ้าเรือนปุตตะ ไปสถิตราศีสิงห์ ธาตุไฟ ดาวเสาร์(๗) ตามระบบทักษาเป็นธาตุไฟ ไปสถิตราศีสิงห์ ธาตุไฟ ฉะนั้น ดาวเสาร์(๗) เป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ให้คุณแก่เจ้าชาตามาก ธาตุ ชั้น ๑ คงที่ทุกสถานะถึงแม้จะสถิตในทุสนะภพ(วินาสน์) ก็ยังคงเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ให้คุณแก่เจ้าชาตามาก เจ้าชาตามีบุตรบริวารดี ส่งเสริมให้เจ้าชะตามีความสุขและความเจริญก้าวหน้า มีความสุขเมื่อได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบุตรหลาน เจ้าชาตาส่งเสริมบุตรหลานให้ไปศึกษาในต่างประเทศ มีความสุขกับการคบหาสมาคมกับเพศตรงข้ามที่มีอายุน่อยกว่า ประสบความสำเร็จในกิจการที่เกี่ยวข้องกับเด็กๆ เจ้าชาตามีความเลื่อมใสในศาสตร์ลึกลับซับซ้อน เช่น จิตศาสตร์ โหราศาสตร์ ฯ
ระยะที่สอง คือการวิเคราะห์ดาวจร ในการวิเคราะห์ดาวจร ให้ตรวจสอบดาวเสาร์(๗) ในดวงชาตาเดิม ว่าในดวงจักรราศีสถิตราศีอะไร จรมาสถิตราศีมีน ธาตุน้ำ จากดวงตัวอย่างพบว่า ดาวเสาร์(๗) ในดวงชาตาเดิมเป็นดาวเจ้าเรือนปุตตะ ไปสถิตราศีสิงห์ ธาตุไฟ ขณะนี้ ดาวเสาร์(๗) จรมาสถิตราศีมีน ธาตุน้ำ ฉะนั้น ดาวเสาร์(๗) เป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษแก่เจ้าชาตา
ราศีกันย์ เป็นราศีประเภทนระราศี มีดาวเสาร์(๗) เป็นดาวฆาต “นระโสโร) หากดาวเสาร์(๗)จรเป็นธาตุ ชั้น ๑ อสีติธาตุ ธาตุชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ดาวเสาร์(๗) เป็นฆาตดี หากดาวเสาร์(๗) จรเป็นธาตุ ชั้น ๔ ดาวเสาร์(๗) เป็นฆาตร้าย
ดาวเสาร์(๗) ในดวงชาตาเดิมเป็นดาวเจ้าเรือนปุตตะ ไปสถิตราศีสิงห์ ธาตุไฟ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ - ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๙ ดาวเสาร์(๗) จรย้ายจากราศีกุมภ์มาสถิตราศีมีน ธาตุน้ำ ฉะนั้น ดาวเสาร์(๗) จรเป็นธาตุ ชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ดาวเสาร์(๗) เป็นฆาตร้าย ให้โทษแก่เจ้าชาตา ในเรื่องบุตร บริวาร การเสี่ยงโชค การติดต่อภายในประเทศ และให้โทษในเรื่องคู่ครอง/หุ้นส่วน/หุ้น/คู่สัญญา
วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๙ - ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๙ ดาวเสาร์(๗) พักรองศา ดาวเสาร์(๗) เป็นหัวหน้าดาวฝ่ายบาปเคราะห์ เมื่อจรพักรองศา จะให้ผลตรงกันข้าม จากให้โทษเป็นให้คุณ เจ้าชาตาที่ยังไม่มีคู่ครอง จะได้คู่ครองที่เด็กกว่าตน ได้บริวาร ลูกน้องมาเป็นคู่ครอง คู่รักจะได้เป็นคู่ครองในเวลาต่อมา สำหรับคนที่มีคู่ครองอยู่แล้ว คู่ครองจะมีรายได้ดี เจ้าชาตราจะได้พึ่งพาอาศัยรายได้จากคู่ครองเลี้ยงชีพ จะประสบความสำเร็จในการลงทุนร่วมกับคู่ครอง คิดใหม่ทำใหม่ร่วมกับคู่ครอง เจ้าชาตาประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้น เล่นแชร์ บริวาร ให้คุณ